Iกลุ่มกมลาฯ เผยภาพรวมราคาดินที่ภูเก็ตรอบ 3 ปี ปรับตัวสูง 19-35% โดยเฉพาะย่านป่าตองราคาทะยานไป 150-200 ล้านบาท/ไร่ รับอานิสงส์การท่องเที่ยว  ขณะที่ซัพพลายคอนโดฯในตลาดแตะ 13,000 ยูนิต เตือนผู้บริโภคศึกษาข้อมูลความน่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจซื้อ คาดปีนี้ผู้ประกอบการท้องถิ่นผุดใหม่อย่างน้อย 5 โครงการ ราคา 3-12 ล้านบาท  ลั่นเตรียมเปิดขายเฟส2“มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์”มี.ค.62 นี้

 

 

นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหาร บริษัท  กมลา บีช รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ “มอนท์เอซัวร์”เปิดเผยถึงภาพรวมราคาที่ดินในจ.ภูเก็ตว่า หากอ้างอิงตามเกณฑ์ของกรมธนารักษ์นั้นพบว่าในช่วงปี 2559-2562 ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 19-35% โดยเฉพาะย่านป่าตอง ราคาสูง 150-200 ล้านบาท/ไร่  ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2555 ที่มีนักท่องเที่ยวปีละ 9 ล้านคน ล่าสุดเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมาแม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะชะลอตัวไปบ้าง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นมาทดแทน ส่งผลให้มีจำนวนเพิ่มเป็น 14 ล้านคน หรือเพิ่มอีกปีละประมาณ 1 ล้านคน  ด้านการพัฒนาอสังหาฯก็มีอัตราการเติบโตทุกปี โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯในภูเก็ต ปัจจุบันมีซัพพลายรวมทั้งสิ้น 13,000 ยูนิต จากยอดขายรวมทั้งจังหวัดที่เกิน 80% แต่ผู้ประกอบการต้องมีความน่าเชื่อถือ โครงการจึงจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ สำหรับในปี 2562 คาดว่าจะมีคอนโดฯเปิดตัวใหม่อีกอย่างน้อย 5 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการในท้องถิ่น ราคาประมาณ 3-12 ล้านบาท

 

สำหรับความคืบหน้าโครงการ“มอนท์เอซัวร์” ซึ่งเป็นโครงการในรูปแบบผสมผสาน(Mixed-use) ระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 พันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดของเอเชียในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม ได้แก่ ARCH Capital Management (Hong Kong & Shanghai), The Narai Group (Thailand) และ Philean Capital ในเครือ Pontiac Land Group (Singapore) บนหาดกมลา ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 454 ไร่ ประกอบด้วย “ทวินปาล์มส์ เรสสิเด้นซ์ มอนซ์เอซัวร์” คอนโดมิเนียมริมทะเลสุดหรู ซึ่งบริษัทฯพัฒนาเอง , “อินเตอร์คอนติเนนทัล ภูเก็ต รีสอร์ต” รีสอร์ตระดับ 5 ดาว โดยกลุ่มบริษัท พราว รีสอร์ท ภูเก็ต จำกัด, “กมลา ซีเนียร์ ลีฟวิ่ง” ที่พักอาศัยระดับลักซัวรี่บนเนินเขาที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นการพัฒนาโดย 4 พันธมิตรใหญ่ คือ บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด, บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA ,บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN  และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK, ไลฟ์สไตล์มอลล์, “เอชคิว บีช เลาจน์” และ “คาเฟ่ เดล มาร์” บีชคลับแบรนด์ดังระดับโลกจากประเทศสเปน และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

“ปัจจุบันเราแบ่งขายพื้นที่ให้พันธมิตรไปแล้ว 3 รายดังกล่าวข้างต้น เพื่อพัฒนาโครงการให้ตรงกับผังและเงื่อนไขที่บริษัทฯได้กำหนดไว้ ปัจจุบันยังเหลือที่ดินสำหรับพัฒนาอีกประมาณ 30% ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาโรงแรมระดับ5 ดาว อีก 3-4 แห่ง โดยเป็นการแบ่งขายที่ดินเพื่อพัฒนาเช่นเดิม ซึ่งในเร็วๆนี้จะมีเซ็นสัญญาสร้างโรงแรมอีกหนึ่งแห่ง”นายเศรษฐพล กล่าว

นายเศรษฐพล กล่าวถึงโครงการ “ทวินปาล์มส์ เรสสิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 9 ไร่ เป็นคอนโดฯ สูง 3 ชั้น จำนวน 11 อาคาร ขนาด 70-800 ตารางเมตร ราคา 15.8-19.1 ล้านบาท จำนวน 75 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ซื้อโครงการและไม่ได้อยู่อาศัยตลอด สามารถฝากทางทวินปาล์มส์ฯบริหารได้ โดยมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 5-7% และเจ้าของห้องชุดสามารถมาพักได้ประมาณ 45 วัน/ปี ซึ่งหลังจากที่เปิดพรีเซลโครงการมาตั้งปี 2558 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% โดยสัดส่วน 60% เป็นลูกค้าต่างชาติ  ที่บางรายซื้อในรูปแบบของลีสโฮลด์ (LEASEHOLD)ได้แก่ ไทย จีน(ฮ่องกง)และมาเลเซีย ส่วนสัดส่วนอีก 40% เป็นลูกค้าคนไทย

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดขายในเฟสที่ 2 อย่างต่อเนื่องในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ ภายใต้แบรนด์ “มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 20 ไร่ เป็นคอนโดฯจำนวนมากกว่า 10 อาคาร สูง 2-5 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 47-70 ตารางเมตร ราคา 6.5-10 กว่าล้านบาท  จำนวนกว่า 200 ยูนิต มูลค่าโครงการเกือบ 2,000 ล้านบาท  โดยคาดว่าในช่วงพรีเซลจะนำมาเปิดขายก่อน 40 ยูนิต  และช่วงโปรโมชั่นมีการรับประกันผลตอบแทนประมาณ 10 ยูนิต  และหลังจากนั้นบริษัทฯจะนำโครงการดังกล่าวไปโรดโชว์ยังฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นลำดับถัดไป