ออลล์ อินสไปร์ฯ เปิดแผนปี 62 ผุด 7 โครงการ รวมมูลค่า 16,750 ล้านบาท ไตรมาสแรกประเดิมแนวราบโครงการแรกของบริษัท “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว-นวมินทร์” เตรียมเปิดพรีเซล 23 ก.พ.นี้ คาดฟันยอดขาย 50 % มั่นใจสินค้าตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ในทำเลศักยภาพอัตราดูดซับสูง ระบุตั้งงบซื้อที่ดินปีนี้ไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีแรก 2562 ว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงใช้ต้นทุนเก่ามาเร่งระบายสต๊อกที่เหลือให้ได้มากที่สุด ก่อนที่มาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 นี้ ต้นทุนที่จะใช้ในปี 2563 คงต้องไปพิจารณากันอีกครั้งในไตรมาส 4

 

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้จะเป็นการพัฒนาทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 16,750 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,650 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ High Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,700 ล้านบาท และทาวน์โฮม ซึ่งเป็นโครงการแนวราบโครงการแรกของบริษัท จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการจะทยอยเปิดตัวในปี 2562 นี้ โดยมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้วทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน

 

 

นายธนากร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ดัชนีราคาคอนโดฯ เพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาขายสูงกว่าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ซึ่งการที่ดัชนีราคาของบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ยังไม่ปรับตัวขึ้นสูงมาก ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสในการซื้อได้ง่ายกว่าคอนโดฯ และเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์อย่างแท้จริง  ทั้งนี้จากการที่บริษัททำการสำรวจทาวน์เฮาส์บริเวณถนนนวมินทร์ตอนต้น ตั้งแต่สี่แยกบางกะปิ-ถนนประเสริฐมนูกิจ ในรัศมี 3 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่วงปี 2556-2561 พบว่า มีการพัฒนาโครงการแนวราบทั้งหมด 11 โครงการ และปัจจุบันปิดการขายไปแล้ว 5 โครงการ ส่วนอีก 6 โครงการอยู่ในระหว่างการเปิดขาย โดย 2 โครงการจะเป็นบ้านเดี่ยว และอีก 4 โครงการจะเป็นทาวน์โฮม ซึ่งรวมโครงการ “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว-นวมินทร์” ด้วย ซึ่ง 3 โครงการทาวน์โฮมที่เปิดการขายไปก่อนหน้านี้ ต่างมียอดขายตั้งแต่ 96.1%-98% เป็นการบ่งบอกว่าอัตราการดูดซับในย่านดังกล่าวยังดีต่อเนื่อง ในขณะที่โครงการ “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว-นวมินทร์” ยังไม่ได้เปิดขาย แต่มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากดีมานด์เป็นอย่างดี เพราะด้วยขนาดที่ดิน-พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และราคาถูกกว่าโครงการในพื้นที่ใกล้เคียงกันถึงประมาณ 20%  โดยทาวน์โฮม 2 ชั้น ในทำเลดังกล่าว ขนาด 16-18 ตารางวา ราคาสูงถึง 3.19 ล้านบาท โดยข้อมูลล่าสุดปี 2561 มีโครงการแนวราบในย่านดังกล่าวเปิดตัวสูงสุดกว่า 600 ยูนิต จากอุปทานสะสมทั้งหมด 2,551 ยูนิต ในรอบ 6 ปี

 

 

“เรามองเห็นถึงศักยภาพของทำเลย่านนวมินทร์ตอนต้น พบว่า ความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น ดีมานด์ที่อยู่อาศัยในย่านนี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง และการขยายตัวของระบบรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำเลนวมินทร์จึงยังคงความน่าสนใจและเหมาะกับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ ปัจจุบันราคาที่ดินขยับขึ้นมาที่ 30 % นับจาก 2 ปีที่ผ่านมา โดยหลังจากที่มีการอนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) ส่งผลให้ราคาที่ดินย่านนวมินทร์ตอนต้นที่ติดถนนใหญ่ราคาพุ่งสูงไปที่ 100,000 บาทต้นๆ/ตารางวา หากเข้าไปในซอยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 50,000-60,000 บาท/ตารางวา” นายธนากร กล่าว

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว-นวมินทร์” ถือเป็นโครงการที่ 17 ที่บริษัทพัฒนาแล้วทั้งหมด โดยตั้งอยู่ในซอยนวมินทร์ 85 บนพื้นที่ 33 ไร่เศษ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาด 21-23 ตารางวา ราคา 2.79-4.9 ล้านบาท จำนวน 308 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟสๆ แรกมีจำนวน 100 ยูนิต โดยจะเปิดพรีเซลวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ ซึ่งลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมและจองโครงการดังกล่าวในวันงาน จะได้รับส่วนลดสูงสุด 450,000 บาท  ขณะนี้มีผู้จองสิทธิ์แล้ว 220 ราย และลงทะเบียนเกือบ 3,600 ราย โดยในวันพรีเซลคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 50% และจะสามารถเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป ส่วนเฟสถัดไปจะทยอยเปิดหลังงานก่อสร้างเสร็จ

นายธนากร กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายและทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ และจะเปิดเผยข้อมูลได้อีกครั้งในเดือนมีนาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 6,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 เป็นต้นไป  นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอน (Stock) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 400-500 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถระบายหมดภายในไตรมาส 1/2562

 

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) รวม 150 ล้านหุ้น สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป