ประธานกรรมการธอส.เผยภาครัฐดันBOI หนุนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยโครงการบ้านล้านหลัง  เตรียมขยายเพดานราคาเพิ่มทั้งในกทม.ตวจ. ล่าสุดผนึก3สมาคมอสังหาฯร่อนหนังสือเสนอการพิจารณา ด้านภาพรวมตลาดปี62คาดปรับตัวย่อตัวลง ผู้ประกอบการระวังการลงทุน ปรับตัวรับปัจจัยลบ หันให้ความสำคัญบ้านมือสองเพิ่ม หวั่นความไม่แน่นอนรัฐบาล อาจมียุบสภา

 


นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)
และที่ปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานสัมมนา อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2019 ซึ่งจัดโดยสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทย ภายใต้หัวข้อ “นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของภาครัฐกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562  ว่า นายสมคิด ได้มอบนโยบายให้สำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) เพิ่มการส่งเสริมการลงทุนกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หลังจากที่ได้ยกเลิกไปแล้วเพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อประชาชนและผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้จะมีการปรับรายละเอียดใหม่เพิ่มเติม อาทิ ราคาบ้าน จากเดิมอยู่ที่ 1 ล้านบาท อาจจะขยายเพดานราคา เนื่องจากที่ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล  ปรับตัวขึ้นเป็น 1.5 ล้านบาท และในต่างจังหวัด ปรับขึ้นเป็น 1.2 ล้านบาท  ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้มีการทำข้อมูลในการนำเสนอเข้ามาประกอบการพิจารณา ออกเกณฑ์รายละเอียดต่าง ๆ ของBOI  ทั้งนี้ ในส่วนของธอส. มีเงินรองรับเพื่อสนับสนุนทั้งผู้ประกอบการและผู้กู้ซื้อบ้านรายย่อยผ่านโครงการบ้านล้านหลังด้วย รวมทั้งจะมีการขอขยายวงเงินโครงการบ้านล้านหลังอยู่ระหว่างการขอจากกระทรวงการคลัง

 

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2561 ที่ผ่านมา ฟื้นตัวแล้วทุกพื้นที่ โดยมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ 825,000 ล้านบาท ขยายตัว 22% จำนวนการโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 358,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 14% สำหรับปี 2562 ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ คือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยดอกเบี้ยขาขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ ธอส. มีบ้านล้านหลังให้ดอกเบี้ยคงที่ 5 ปี ถือเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่จะมีการเพิ่มดาวน์การซื้อที่อยู่อาศัย หรือมาตรการแอลทีวี ที่จะกระทบผู้ซื้อบางส่วน ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจากปัจจัยสงครามการค้า จะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นการตัดสินใจลงทุนและผู้ซื้อชาวจีนอาจจะกระทบ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนรัฐบาลใหม่ และนโยบายที่จะออกมาจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้

 

โดยในปีนี้ตลาดจะน่าจะมีการปรับตัวย่อตัวลง และผู้ประกอบการมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น ผู้ประกอบการมีต้นทุนทำให้การลงทุนชะลอตัว ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวในสภาวะเศรษฐกิจทั้งในและภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีความผันผวน ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาบ้านมือหนึ่ง อาจจะพิจารณาบ้านมือสองด้วย เพราะจะเป็นตลาดที่รองรับความต้องการที่อยู่อาศัยอีกตลาดหนึ่ง แทนที่จะลงทุนซื้อที่ดินและลงทุนใหม่ สามารถซื้อทรัพย์สินรอขาย(เอ็นพีเอ) ของธนาคารในราคาที่เหมาะสมมาปรับปรุงขายใหม่ เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยมีต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. อยู่ระหว่างการพัฒนาฐานข้อมูลบ้านมือสอง นอกจากนี้ ด้านกฎหมายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจะไม่ทันในรัฐบาลคาดว่าจะออกมาในรัฐบาลหน้า จะทำให้มีกฎหมายมาคุมการขาย มีการขึ้นทะเบียนนายหน้า และจะพัฒนาการขายอสังหาริมทรัพย์ไทยไปยังต่างประเทศ และนำผู้ซื้อต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้

 

“ในปี 2562 ดอกเบี้ยขาขึ้นมีผลผลกระทบอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่กู้แบงก์ทั้งสิ้น การลงทุนก็จะชะลอตัว ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวรับสภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ให้ได้ แต่คงไม่เลวร้ายเท่าปี 2560 ดังนั้นสิ่งที่เตรียมไว้คือการกระตุ้นในภาครัฐ เช่น บ้านล้านหลังที่มีการอนุมัติมา 50,000 ล้านบาท การขยายยังมีถึงปลายปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างของบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องช่วยพี่น้องประชาชน ส่วนสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน  ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ  เพราะนักลงทุนที่เข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากจีน และมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) มีผลกระทบอย่างแน่นอน อีกทั้งความไม่แน่นอนของรัฐบาล ใครจะเป็นนายกฯ ใครมาดูแลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน และที่น่ากลัวที่สุดคืออาจจะมีการยุบสภา”นายสุรชัย กล่าวในที่สุด