ออริจิ้น ปรับแผนปี62 สอดรับภาวะตลาดอสังหาฯขาลง เปิดตัว 15 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 26,000 ล้านบาท  พร้อมเปิดตัวคอนโดฯแบรนด์ใหม่ “The Origin” เจาะกลุ่มวัยรุ่น ราคา 1.6-2.4 ล้านบาท ทั้งผุด รร.ใหม่ ในกทม.ระยอง ล่าสุดดึง “ซันนี่” นั่งแท่น Brand Ambassador คนใหม่ กระตุ้นการจดจำพร้อมเติบโตอย่าง มั่นใจโกยยอดขายทั้งปีกว่า 28,000 ล้านบาท และรายได้แตะกว่า 19,000 ล้านบาท

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี2562 ว่าจะหดตัวประมาณ 10% จากมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย( Loan to Value : LTV ) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งทำให้บริษัทฯ ต้องปรับตัว ด้วยการหันมาระบายสต๊อกคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาส 1/2562 ก่อนที่จะมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในช่วงไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป โดยที่ตั้งเป้าระบายสต๊อกในไตรมาส 1/2562 ที่ 3,000 ล้านบาท จากสต๊อกคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ 7,000-8,000 ล้านบาท และจะหันไปเปิดโครงการแนวราบแทนในไตรมาสแรกของปี 2562 จำนวน 3 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขาย 3 โครงการแนวราบใหม่ในช่วงไตรมาส 1/2562 ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท มากกว่าไตรมาสแรกของปี 2561 ที่ทำได้ 1,100 ล้านบาท

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับกลยุทธ์การเปิดโครงการให้อยู่ในระดับราคาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยเริ่มทำงานที่เป็นกลุ่ม New Demand ที่เป็นกลุ่มคนที่มีสัดส่วนมากในประเทศ และเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด อีกทั้งเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของกลุ่มลูกค้านักลงทุนและกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตราการควบคุม LTV ทำให้บริษัทจึงปรับกลยุทธ์หันมารุกตลาดในกลุ่มคนวัยเริ่มทำงานที่ยังไม่มีหนี้สินและอยากมองหาที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่แพงมากนัก ทำให้พัฒนาแบรนด์ The Origin ในช่วงราคาขายเฉลี่ย 80,000-100,000 บาท/ตารางเมตร ที่มีช่องว่างทางการตลาดขึ้นมาทำตลาดแทนแบรนด์ Kensington และ Knightbridge ที่ราคาขายมากกว่า 100,000 บาท/ตารางเมตร และเป็นโครงการที่เน้นความทันสมัย มากกว่าการเป็นโครงการที่มีสไตล์อังกฤษ

 

 

 เพื่อเป็นการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2562 ส่งผลให้บริษัทฯวางแผนเปิดตัวอสังหาฯเพื่อการขายใหม่ทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 26,000 ล้านบาท ประกอบด้วย แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) แบรนด์คอนโดมิเนียม เจาะกลุ่ม Young Rich & Successอายุ 30-45 ปี ที่ชื่นชอบ lifestyle และ lifestage ในทำเล CBD และ New CBD ราคาขายประมาณ 4-6 ล้านบาทต่อยูนิต จำนวน โครงการ  ในทำเลราชเทวี พระราม และอีก โครงการในย่าน New CBD มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท

 

2.ดิ ออริจิ้น (The Origin) แบรนด์คอนโดมิเนียม เจาะกลุ่มลูกค้า New Gen วัยเริ่มต้นทำงาน (First Jobber and First Home Buyer) อายุประมาณ 24-28 ปีที่มีแนวคิด Smart Finance เปลี่ยนค่าเช่าเป็นทรัพย์สิน ซื้อคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า ในย่านส่วนต่อขยายธุรกิจ (EBD) ราคาขายประมาณ 1.6-2.4 ล้านบาท จำนวน โครงการ ได้แก่ ทำเลสุขุมวิท รัชดา ลาดพร้าว รามคำแหง และรามอินทรา มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท

 

และ 3.บริทาเนีย (Britania) แบรนด์โครงการแนวราบทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่มี Smart Design เจาะกลุ่มวัยเริ่มต้นครอบครัว อายุ 28-45 ปี ในระดับราคา 2.5-6 ล้านบาท จำนวน โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท

 

โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งงบซื้อที่ดินไว้ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ใช้ไป 8,000 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทฺนในการซื้อที่ดินอยู่ระหว่างการพิจารณาออกหุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาท เพื่อมารองรับการซื้อที่ดิน


จากความโดดเด่นในการวิจัยการตลาด และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการ บริษัทมั่นใจว่า Brand Segmentation ที่มีความชัดเจน และ Price Point ที่แม่นยำในลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม จะทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการปรับตัวครั้งใหญ่จาก Macro Prudential Policy ของธปท.  ทั้งนี้ จุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทมัดใจผู้บริโภคได้คือเรื่องความเข้าใจลูกค้า (Empathy) ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทต่างตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทจะต่อยอดเรื่อง Empathy ผ่าน เรื่องได้แก่ 1.Smart Products พัฒนาสินค้าทุกประเภทให้มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับนำ Smart Technology เข้ามาช่วยเติมเต็ม 2.Excellenct Services มอบบริการเหนือระดับที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกพนักงานทุกคนในด้านการบริการแบบนึกถึงใจเขาใจเรา” นายพีระพงศ์ กล่าว

 

นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังมีแผนการลงทุนโรงแรมใหม่อีก 2 แห่ง มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท คือ โรงแรมในโครงการมิกซ์ยูส สุขุมวิท 59 มูลค่า  1,500 ล้านบาท โดยใช้เชนอินเตอร์คอนติเนนตัล มาบริหารงาน ซึ่งมีกำนดเปิดให้บริการในปี 2564 และโรงแรมในโครงการมิกส์ยูสที่ จ.ระยอง มูลค่า 2,000 ล้านบาท กำหนดเปิดให้บริการในปี 2565 อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการนำบริษัท พรีโม่ เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการที่ครบวงจรเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน หากการทำงานเป็นไปตามแผนคาดว่าจะนำบริษัท พรีโม่ เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด เข้าตลาดได้ภายในปี 2563 เพื่อนำเงินมาต่อยอดการขยายงานบริการที่มากขึ้น และรองรับงานที่จะเข้ามามากขึ้นในอนาคต โดยที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ของธุรกิจดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่ 250 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 180 ล้านบาท

 

 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิดตัว Brand Ambassador คนใหม่ คือซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่มี Character ความเป็น Romantic Comedy มาช่วยสะท้อนถึงบุคลิกแบรนด์ต่างๆ ในเครือออริจิ้น ขณะเดียวกัน จะตอกย้ำภาพเรื่อง Empathy ให้ผู้บริโภคได้เห็นทั้งเรื่อง Smart Products และ Excellent Services ชัดเจนมากขึ้น โดยจะมีโฆษณาตัวแรกขึ้นในวันที่ 1 กุภาพันธ์ 2562 นี้ เพื่อใช้โปรโมทโครงการในกลุ่มบ้านบริทาเนีย และคอนโดมิเนียม The Origin โดยการทำตลาดในครั้งนี้ถือเป็นงบส่วนหนึ่งจากงบการตลาดรวมทั้งปีที่ 50 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 28,000 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 27,500 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมตั้งเป้าไว้ที่ 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ 17,000  ล้านบาท และรายได้อื่นๆอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาราว 11,000  ล้านบาท จากBacklog ทั้งหมด  34,000  ล้านบาท โดยที่ในส่วนของธุรกิจโรงแรมบริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาได้ครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4/2562 คือ โรงแรม Staybridge Suites Bangkok Thonglor และโรงแรม Holiday Inn & Suites Sriracha ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ รวมไปถึง 2 โครงการใหม่ ในกรุงเทพฯ และมิกซ์ยูสครบวงจรแห่งใหม่ในจังหวัดระยอง ที่จะมีการเติบโตสูงจากการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและ Smart Park ในมาบตาพุด ที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)

ด้านนางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจโครงการแนวราบในเครือออริจิ้น กล่าวว่า จากเดิมที่เป็นกลุ่มธุรกิจย่อยของเครือในปีที่ผ่านมา มาปีนี้บริษัทพร้อมขับเคลื่อนนำโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนียขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของออริจิ้น โดยโฆษณาชิ้นแรกที่มี Brand Ambassador มาแสดงนั้นจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ที่แตกต่างของแบรนด์บริทาเนียให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค รวมถึงเป็นการเปิดตัวแบรนด์บริทาเนียสู่ตลาดแนวราบ และส่งเสริมให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดต่อไป

 

Empathy ในธุรกิจโครงการแนวราบของออริจิ้นนั้น ได้ส่งมอบทั้ง Smart Products และ Excellent Services ในทำเลที่ติดเส้นทางคมนาคมหลัก เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกและอยู่ใกล้แหล่งงานที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะกรุงเทพฯโซนตะวันออก บางนา และ EEC จากความประทับใจของลูกค้า พิสูจน์ความสำเร็จได้จากยอดขาย Pre-event ในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา กับ โครงการใหม่ คือ บริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา, บริทาเนีย บางนา กม. 12, และ บริทาเนีย วงแหวนหทัยราษฎร์ ซึ่งเรามียอดขายมากถึง 1,000 ล้านบาทภายในเวลาเพียง สัปดาห์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในการขายบ้านจัดสรรแบบ Presale” นางศุภลักษณ์ กล่าวในที่สุด

 

ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือออริจิ้น กล่าวว่า ปี 2562 เป็นปีที่เห็นความสำเร็จของแผนการขยายงานอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างโรงแรมทั้ง แห่งที่ประกาศเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรงแรม Staybridge Suites Bangkok Thonglor และโรงแรม Holiday Inn & Suites Sriracha ที่ก่อสร้างได้เร็วกว่าแผน และคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส ปีนี้ และทยอยสร้างรายได้กลับเข้าสู่บริษัท อีกทั้งปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัว โครงการใหม่ ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ และมิกซ์ยูสครบวงจรแห่งใหม่ในจังหวัดระยอง ที่จะมีการเติบโตสูงจากการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและ Smart Park ในมาบตาพุด ที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของ EEC

“ความต้องการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่สำคัญของโลกทั้งในแง่การท่องเที่ยวและการทำธุรกิจ จากความเข้าใจธุรกิจ ความเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และความร่วมมือกับเชนผู้บริหารระดับโลก ทำให้เราสามารถรังสรรค์ Smart Products และมั่นใจในการส่งมอบ Excellent Services ให้แก่ลูกค้าของเรา” นางกมลวรรณ กล่าวในที่สุด

นายธนา ต่อสหะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจบริการในเครือออริจิ้น กล่าวว่า พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จะถือเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของออริจิ้นที่นำเรื่อง Excellent Services และ Smart Brokerage มาส่งมอบให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย ด้วยวิสัยทัศน์ของเครือไม่ได้เพียงต้องการขายสินค้าแล้วจากไป แต่ต้องการส่งมอบการอยู่อาศัยและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

Insight ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน คือเติบโตมาจากครอบครัวที่ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีคนคอยทำทุกอย่างให้ เมื่อมาอยู่คอนโดหรือบ้านจัดสรรยุคใหม่ จึงต้องการบริการต่างๆ ในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต บริการ Fully Services ครบวงจรในการใช้ชีวิตของพรีโม จึงเป็น Excellent Services ที่เติมเต็มความสุขของการอยู่อาศัย” นายธนา กล่าว

 

ทั้งนี้ พรีโม มีบริการ After Sales Service ครบวงจร ผ่านบริษัทย่อย 6 บริษัท ส่งมอบ Excellent Services ที่ได้รับการการันตีโดยมาตรฐาน ISO 9001 ทั้งด้าน Property Management และด้าน Home Service เป็นรายแรกของไทย ให้แก่ผู้อยู่อาศัยตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นลูกบ้านออริจิ้น พรีโมยังมี Service Application ผ่านแอปพลิเคชั่น BUTLER รวบรวมทุกงานบริการเอาไว้อย่างครบวงจร และในปี 2562 พรีโมไม่ได้มีเป้าหมายเพียงส่งมอบบริการสุดพิเศษนี้ให้เฉพาะลูกบ้านออริจิ้น แต่ยังเปิดกว้างการขยาย Excellent Services เข้าไปช่วยดูแลลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยทุกแบรนด์ทุกประเภท เพื่อเป็น Living Partner ส่งมอบความสุขให้แก่ทุกคน

 

อนึ่ง บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 51 โครงการ เช่น แบรนด์ PARK ORIGIN, KnightsBridge, Notting Hill, Kensington และ Britania รวมมูลค่าโครงการกว่า 84,000ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร