เลขาธิการอีอีซีเผยนักวิชาการ-นักธุรกิจคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย คาดระยะเวลา 5 ปีจะมีเงินลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในEEC 1.7 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 300,000 ล้านบาทต่อปี ล่าสุดจีน-ญี่ปุ่นสนใจลงทุนหลายอุตสาหกรรม เชื่อระยะ10 ปีช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโต ฝากการเมืองหลังเลือกตั้งสานต่อโครงการให้เกิดความต่อเนื่อง

 

 

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก           (สกพอ.) ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทยกับการลงทุนในอีอีซี” ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2561 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า จากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และผู้นำภาคธุรกิจ (CEO) ทั่วโลก วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งบางกลุ่มเชื่อว่าจะเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2562นี้ หรือในปีค.ศ.2020 ดังนั้นการสร้างการลงทุนในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะมาชดเชยปัจจัยจากนอกประเทศที่จะมากระทบ เศรษฐกิจไทยในอนาคต

 

ซึ่งการลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) มีการประเมินว่าในระยะเวลา 5 ปีจะมีเงินลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 1.7 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 300,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะมาช่วยชดเชยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจากฐานเฉลี่ย 3% หรือช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 5-6%

 

โดยการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะลงทุนใน EEC ใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรม ขณะนี้ประเทศผู้ลงทุนสำคัญทั้งจีนและญี่ปุ่นได้แสดงความสนใจเข้าลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยสรุปภาพรวมหลังจากนี้เชื่อว่าในพื้นที่ EEC จะมีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะ 5 ปีและหลังจากนั้นอีก 5 ปีธุรกิจที่มีการลงทุนไปแล้วก็จะมีการเติบโตช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี

 

นายคณิศ กล่าวเพิ่มเติมถึง ปัจจัยการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นนั้นทางคณะกรรมการอีอีซีคาดหวังว่าไม่ว่าผู้ใดจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล จะมีการสานต่อโครงการดังกล่าว จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่พยายามผลักดันให้การพัฒนาพื้นที่มีการยกร่างพระราชบัญญัติรองรับ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การดำเนินงานมีการประสานกับหน่วยงานอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังจะช่วยให้การพัฒนาพื้นที่เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนด้วย

 

สำหรับปัญหาฝุ่นควันที่กระทบกับสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในภาวะรุนแรงในขณะนี้ ยืนยันว่า เป็นการเกิดขึ้นของฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่มาจากปัญหาการเผาผลาญน้ำมันดีเซลซึ่งใช้อยู่ทั้งในภาคการขนส่งและรถยนต์ทั่วไป เป็นที่มาที่ต้องพยายามผลักดันให้เกิดการขนส่งทางรางเข้ามาช่วยชดเชยการขนส่งทางรถบรรทุกให้มากขึ้น ส่วนปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นนั้นมาจากปัจจัยด้านการก่อสร้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือไม่นั้น คาดว่าในเร็วๆนี้จะมีข้อมูลทางด้านวิชาการออกมาชี้แจง ให้เกิดความชัดเจน