แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ปรับแผนชะลอผุดคอนโดฯ หันรุกแนวราบ ปี62 รุกผุด 16 โครงการ รวมมูลค่า 29,960 ล้านบาท กระจายทำเลกทม.-ปริมณฑล-ตจว. ปี2563-2566ทยอยขายอพาร์ตเมนต์ LH USA ปีละ 1 โครงการ ตั้งเป้ามียอดขายรวมปีนี้แตะ 33,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ 37,000 ล้านบาท

 

 

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาฯคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2562 จะไม่ค่อยดีเท่าใดนัก จากหลายปัจจัย ทั้งการลงทุนภาคเอกชน และการท่องเที่ยว แต่ก็ยังไม่ปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐ ที่แม้ว่าจะมีการลงทุนมาก แต่ภาคเอกชนก็ค่อนข้างมีปัญหาโดยเฉพาะในภูมิภาคที่ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่ โดยเริ่มเห็นได้จากกลุ่มSME ที่เริ่มมีปัญหามากขึ้น ซึ่งดูได้จากตัวเลขของธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง  ส่งผลให้บริษัทฯปรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 ด้วยการชะลอการเปิดตัวคอนโดฯ จำนวน 2 โครงการ เนื่องจากยังไม่มั่นใจสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ  อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนจากบริษัทอสังหาฯที่ร่วมทุนกับต่างชาติเป็นจำนวนมาก ทำให้มีสินค้าออกสู่ตลาดมาก การแข่งขันจึงสูง นอกจากนี้ยังมีปัญหาการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อด้วยมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ในการปรับปรุงเกณฑ์ปล่อยกู้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan to Value:LTV)จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 นั้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเก็งกำไร และกลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่า

 

 

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯปรับแผนการลงทุนในปี2562 ด้วยการกลับมาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบทั้งหมด  ซึ่งเปิดตัวทั้งสิ้น 16 โครงการ รวมมูลค่า 29,960 ล้านบาท แยกเป็นโครงการในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 14 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ (เชียงใหม่และอยุธยา)  แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด 11 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ โดยในไตรมาสแรกมีแผนเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ารวม 13,005 ล้านบาท ไตรมาส 2 เปิดตัว 2 โครงการ มูลค่า 3,130 ล้านบาท ไตรมาส 3 เปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 11,380 ล้านบาท และไตรมาส 4 เปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 6,825 ล้านบาท  ทำให้ในปี2562 บริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการรวมทั้งสิ้น 86 โครงการ  ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวมากกว่าปี 2561 ที่ผ่านมา ที่เปิดตัว 12 โครงการ รวมมูลค่า 23,110 ล้านบาท จากแผนเดิมที่จะเปิด 16 โครงการโดยเป็นการเลื่อนเปิดโครงการบ้านแนวราบ 4 โครงการมูลค่า 10,000 ล้านบาท มาเปิดตัวในปีนี้แทน  ส่วนใหญ่มาจากปัญหาความไม่พร้อมของโครงการซึ่งได้ส่งกระทบต่อยอดจองของบริษัทในปี 2561 ที่ลดลงเล็กน้อย แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้

 

 

ด้านนายอดิศร  ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)หรือ LH กล่าวว่า ในปี 2562 นี้  บริษัทฯโดยได้วางงบลงทุนไว้ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 7,000 ล้านบาท และ การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการเทอมินัล 21 พระราม 3 ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2564 นอกจากนี้งบบางส่วนยังนำมาจ่ายค่าก่อสร้างบางส่วนของโครงการเทอมินัล 21 พัทยา ที่ยังมีเหลืออีกเล็กน้อย และซื้อที่ดินเพื่อลงทุนโครงการให้เช่าเพิ่มเติม

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนนำโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ ทองหล่อ ซึ่งเปิดให้บริการมาแล้ว 3 ปี ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่า อสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) ในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างประเมินราคา และมีแผนออกหุ้นกู้อีกประมาณ 12,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยจะเสนอขายในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 7,000 ล้านบาท และครึ่งปีหลังจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอายุมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยปัจจุบันบริษัทมีวงเงินที่สามารถออกหุ้นกู้เหลือจากการขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ 60,000 ล้านบาท

 

อีกทั้งบริษัทฯยังมีแผนที่จะทยอยขายอพาร์ตเมนต์ LH USA ในสหรัฐอเมริกา 4 โครงการ โดยจะทยอยขายตั้งแต่ปี 2563-2566 ประมาณปีละ 1 โครงการ เพื่อเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัท ซึ่งหลังจากเข้าลงทุนตามมูลค่าราคาตลาดของสินทรัพย์นั้น ๆ เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นบริษัทก็จะมีการขายทำกำไรออกมา ซึ่งปกติจะมีระยะเวลาลงทุนประมาณ  4-5 ปี โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทขายอพาร์ตเมนต์ไปแล้ว 1 แห่ง คือ The Domain Residence ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ราคา 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ส่วนการดำเนินงานของบริษัทในเครือ LHMH มีการเปิดตัวโครงการ เทอมินัล 21 พัทยา บนพื้นที่กว่า 32.84 ไร่ มูลค่ากว่า 5,587 ล้านบาท

 

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าสร้างเสร็จ 4,000 ล้านบาท และอีก 6,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ ในปีถัดไป ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายทั้งสิ้น 70 โครงการ มูลค่า 56,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯ 10,000 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้บริษัทตั้งเป้ามียอดขายรวมที่ประมาณ 33,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้จากธุรกิจการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย จำนวน 32,000 ล้านบาท รายได้ค่าเช่าจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการให้เช่าอีกประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่ารายได้จากค่าเช่าจะเติบโตประมาณ 35-36% จากปีก่อน มียอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 32,000 ล้านบาท และยังมีรายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 3,700 ล้านบาท