หลังภาครัฐชัดเจนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ ส่งผลตลาดอสังหาฯ ระยองโตต่อเนื่อง มี 221 โครงการ จำนวนกว่า 30,000 ยูนิต ที่อยู่ระหว่างการขาย “อีสเทอร์น สตาร์ ฯ” ลุยลงทุนต่อเนื่อง รับความต้องการของตลาด เผยแผนปี 62 จ่อผุด 3-4 โครงการใหม่  มูลค่ารวมกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท

 

 

นายต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำเลจังหวัดในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยเฉพาะจังหวัดระยองว่า มีอัตราการขยายตัวได้ในทิศทางที่ดี มีปัจจัยจากความชัดเจนในการลงทุนของทางภาครัฐในโครงการต่างๆ อาทิ การลงทุนในโครงการมอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด จะเปิดใช้งานได้ในปี 2563 โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา กำหนดสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นเมืองการบิน เป็นต้น

 

จากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ประกอบกับระยองเป็นจังหวัดที่มีความหนาแน่นของประชากรเป็นอันดับสองของภาคตะวันออก มีจีดีพีภายในจังหวัดต่อหัวสูงที่สุดในประเทศไทย ขณะเดียวกันยังได้ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 7 จังหวัดที่มีความพร้อมในการพัฒนาเป็นเมืองสมาร์ท ซิตี้ ทำให้ดึงดูดนักลงทุนส่งผลให้เกิดความต้องการในที่อยู่อาศัย ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์มีโครงการอยู่ระหว่างการขาย 221 โครงการ หรือ 31,000 ยูนิต ส่วนราคาที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 %

 

สำหรับบริษัทฯ ได้เข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยองอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2532 พัฒนาโครงการมาจนถึงปัจจุบันรวม 14 โครงการ ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 4 โครงการ มีแลนด์แบงก์ในจังหวัดระยองที่พร้อมนำออกพัฒนาร่วมกว่า 1,000 ไร่ ทั้งนี้มั่นใจว่าการบูมพื้นที่ EEC ของภาครัฐจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ พร้อมกับเปิดโอกาสในการใช้จุดแข็งและข้อได้เปรียบที่มีช่วยในการขยายตลาดไปยังพื้นที่อื่นๆ

 

ด้วยศักยภาพดังกล่าว ทำให้ผลประกอบการการขายที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยองเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปีนี้มียอดขาย 360 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 188 ล้านบาทในปี2560 และตั้งเป้าปีหน้าเติบโต 20 % โดยรายได้จากการพัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยองคิดเป็นสัดส่วน 10 % จากรายได้รวมทั้งหมด โดยปีนี้ตั้งเป้าไว้ 2,000 ล้านบาท  มียอดขายรอรับรู้รายได้ที่ 2,000 ล้านบาท โดย 50 % หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ ขณะที่ยอดขายรวมทั้งปี 2561 ตั้งไว้ที่ 2,700-2,800 ล้านบาท ส่วนรายได้ ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่กว่า 1,013 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามในปี 2562 บริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม 3-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และตั้งเป้างบซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท