โกลเด้นแลนด์ ปลื้มผลประกอบการ 9 เดือน รายได้รวมแตะ 11,606.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 % กำไรสุทธิจำนวน 1,487.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 % โตตามแผน มั่นใจปี 63 ขึ้นแท่นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกในไทย ระบุ 3 เดือนสุดท้ายผุด 5 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 8,800 ล้านบาทตามแผน

 

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ หรือ GOLD เปิดเผย ถึงผลประกอบการสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือน (1 มกราคม 2561 – 30 กันยายน2561) ว่า มีรายได้รวมจำนวน 11,606.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจำนวน 1,487.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากความนิยมต่อเนื่องในโครงการแนวราบ ซึ่งถือเป็นการเติบโตตามแผนการขึ้นสู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกของประเทศไทยในปี 2563

 

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะรายได้หลักจากการขายอสังหาริมทรัพย์งวด 9 เดือน (1 มกราคม 2561–30 กันยายน 2561) บริษัทฯ มีรายได้ส่วนนี้รวม 10,290.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2,221.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยประสบความสำเร็จทั้งโครงการใหม่ที่เริ่มเปิดขาย และเริ่มโอนในปี 2561 รวมถึงโครงการเดิมที่ยังขาย และโอนได้อย่างต่อเนื่อง โดยยอดโอนในรอบระยะเวลา 3 เดือน (1 กรกฎาคม2561–30 กันยายน 2561) เพิ่มขึ้นจำนวน 53 หลัง หรือเพิ่มขึ้น 6 % และมียอดโอนในรอบระยะเวลา 9 เดือน  (1 มกราคม 2561-30 กันยายน 2561) เพิ่มขึ้น 448 หลัง หรือเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างชัดเจน

 

ในขณะที่รายได้จากการให้เช่าและบริการ งวด 9 เดือน (1 มกราคม 2561–30 กันยายน 2561) บริษัทฯ มีรายได้ส่วนนี้รวม 735.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากอัตราการรับรู้รายได้จากอัตราการเช่าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงกว่า 97 %

 

 

“ความสำเร็จของบริษัทฯ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนสามารถสร้างความนิยมของลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯ ยังสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (1 มกราคม 2561–30 กันยายน 2561) เป็นไปในทิศทางที่ดี บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวม 11,606.73 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 65 % จากเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2561 (1 มกราคม 2561–31 ธันวาคม 2561) รวม 17,800 ล้านบาท” นายธนพล กล่าว

 

นายธนพล กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ (1 ตุลาคม 2561 – 31 ธันวาคม 2561) บริษัทฯ ได้เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ แบ่งเป็นทาวน์โฮม 2 โครงการ และนีโอโฮม (บ้านแฝด) 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท รวมทั้งปี 2561 บริษัทฯ จะเปิดโครงการแนวราบทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,700 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม จำนวน 10 โครงการ, นีโอโฮม (บ้านแฝด) จำนวน 5 โครงการ ,บ้านเดี่ยว จำนวน  2 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ นอกจากนี้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ซึ่งมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ บริษัทฯ จึงยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้