“ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต” เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2561 เติบโตจากปีก่อน 10 % คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 4.3-4.4 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย คาดปี 2562 เติบโต 0-5% ตลาดแข่งขันรุนแรง จะอยู่รอดต้องเจาะตลาด Exclusive demand

 

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพและปริมณฑลในปี 2561 ว่าคาดมูลค่าตลาดรวมทั้งที่อยู่อาศัยแนวสูง(คอนโดมิเนียม)และแนวราบน่าจะมีมูลค่ารวม 480,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 10 % ที่มีอยู่ประมาณ 430,000 ล้านบาท จากมูลค่าโดยรวมนั้นแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบประมาณ 46 % ที่เหลือ 54 % เป็นคอนโดมิเนียม ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2561 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 430,000-440,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย ที่มีการเปิดตัวคิดเป็นมูลค่า 430,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ถือว่าในช่วง2ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-61)ตลาดมีการเติบโตค่อนข้างสูงทั้งในแง่มูลค่าโครงการ และ โครงการที่เปิดก็เป็นโครงการขนาดใหญ่ ทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2562 ตลาดรวมน่าจะเติบโตจากปี 2561 ไม่มากนักอยู่ที่ 0-5 %  และเชื่อว่าในปีหน้า ภาพโดยรวมของธุรกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก จากปัจจัยที่เกิดขึ้นทั้งในช่วงก่อนหน้าและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น อุปทาน (Supply)สินค้าที่เข้ามาสู่ตลาดในช่วง1-2 ปีก่อน ,อัตราการดูดซับ(Absorption Rate)ของตลาด  กฎเกณฑ์ใหม่ต่างๆจากภาครัฐที่ออกมาที่อาจกระทบต่อธุรกิจ รวมถึงปัจจัยลบภายนอกที่จะเปิดขึ้นในปีหน้า

 

ด้วยเหตุนี้ เพื่อการเติบโตของธุรกิจเชื่อปี 2562 จะเป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง รุนแรงและต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกันถึงจะอยู่รอด “ผมว่าที่ผ่านมาเรียลดีมานด์ถูกดูดซับไปมากแล้วและการหาดีมานด์ใหม่ๆไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ” ทั้งนี้ ในการเปิดตัวโครงการใหม่โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่พบว่าในช่วงปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับ High-End  ทำให้โครงการที่จะเปิดใหม่อาจเผชิญกับกำลังซื้อที่มีอยู่จำกัด ดังนั้น ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการต้องทำการบ้านอย่างหนักและต้องพัฒนาโปรดักส์เจาะตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม หรือ Exclusive demand โปรดักส์ที่จะออกสู่ตลาดจะต้องมีความแตกต่างที่มีอยู่ในตลาด แพคเกจสินค้า ราคา ขนาดการลงทุนในแต่ละโครงการ หรือจำนวนหน่วยที่เปิดขายจะต้องสอดคล้อง ใกล้เคียงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่นั้นๆ