คงจะดีไม่น้อยถ้าเราตื่นมาพร้อมกับวิวสีเขียวของสวนธรรมชาติขนาดใหญ่ และไม่กี่อึดใจก็เดินทางถึงที่ทำงานใจกลางเมืองได้ในพริบตา

เราคงต้องยอมรับว่า..หาได้ยากมากในการที่จะได้ทุกอย่างครบ ทั้งธรรมชาติ ทั้งความสะดวกสบายของเมืองหลวง

แต่ ที่นี่ The Privacy Jatujak เป็นไปได้ ให้คุณครบทุกอย่างในที่เดียวค่ะ ใครที่ได้มาชมโครงการ ต้องรู้สึกได้ว่า การได้ใช้ชีวิตที่นี่ คือ

The Enchanting Moment…ช่วงเวลาแห่งมนต์เสน่ห์ที่คุณสัมผัสได้

“จตุจักร” ดินแดนแห่งนี้กำลังจะเปลี่ยนไป…. สิ่งเก่าที่มีอยู่เดิม… เพิ่มเติมด้วยความเจริญในอนาคตที่กำลังเข้ามาเยือน… ทำให้ที่แห่งนี้ คือ “ส่วนผสมที่ลงตัวเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์” ที่หาทำเลไหนเทียบเคียงได้ยาก

ดั้งเดิมแล้ว บริเวณ จตุจักร โดยเฉพาะบริเวณ ห้าแยกลาดพร้าว เป็นแหล่งที่ ครบครันทั้ง การใช้ชีวิต และ การทำงาน เรียกว่าเป็นพื้นที่แห่งสังคมคุณภาพมานานมากหลายสิบปีแล้ว

เนื่องจาก บริเวณนี้มีถนนพหลโยธินซึ่งเป็นทางหลวงสายหลักที่วิ่งตรงจากกรุงเทพฯออกไปสู่ภาคเหนือและภาคอีสาน, มีสถานีขนส่งขนาดใหญ่, ห้างสรรพสินค้า, ตลาดที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งติดกันก็มี ปอดของกรุงเทพฯ อย่าง “อุทยานสวนจตุจักร กว่า 700 ไร่” (สวนรถไฟ, สวนจตุจักร,สวนสมเด็จฯ) ให้ได้ออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมายหลายตึกกระจายตัวอยู่บริเวณรอบๆแยก ย่านนี้ ต่อมาเมื่อ รถไฟฟ้ามาถึง และกลายเป็น interchange station ของ BTS หมอชิต และ MRT จตุจักร ก็ยิ่งทำให้ย่านนี้เจริญขึ้นเป็นลำดับ

นอกจากนั้น ในอนาคตอันใกล้ยังมี Mega Project บนพื้นที่กว่า 2,300 ไร่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “โครงการศูนย์คมนาคมพหลโยธินหรือสถานีกลางบางซื่อ” ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งเต็มรูปแบบ บนงบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นศูนย์กลางของระบบขนส่งทางราง ทั้ง รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน,  Airport Rail Link, และรถไฟความเร็วสูง ค่ะ

ชื่อโครงการ : The Privacy Jatujak เดอะไพรเวซี่ จตุจักร

ผู้พัฒนาโครงการ : บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท 

ผู้ออกแบบ : P&T (PALMER AND TURNER) 

ขนาดที่ดิน : ประมาณ 3 ไร่ 

ลักษณะอาคาร : High Rise 1 อาคาร

จำนวนชั้น : 34 ชั้น

จำนวนยูนิต : ห้องพักอาศัย 847 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต

เริ่มต้นก่อสร้าง : เมษายน 2019 

พร้อมเข้าอยู่ : สิงหาคม 2565

รูปแบบห้องพักอาศัย 

  • 1 Bedroom 26.00 – 33.50 ตร.ม.
  • Loft 30.00 -31.00 + 18 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 1 Bath 45 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 2 Bath 53 ตร.ม.

ค่าส่วนกลาง : 55 บาท (จ่ายล่วงหน้า 1 ปี) 

ค่ากองทุน : 500 บาท 

ราคาเริ่มต้น : 2.9 ล้านบาท 

Location

Shopping

Union Mall : 470 ม.

ตลาดลุงเพิ่ม : 600 ม.

Central ลาดพร้าว : 650 ม.

Big C ลาดพร้าว 2 : 1.6 กม.

ตลาดนัดสวนจตุจักร : 1.8 กม.

สวนลุมไนท์บาซ่าร์ : 3.7 กม.

Major Cineplex รัชโยธิน : 4.0 กม.

บุญถาวร : 4.2 กม.

ตลาดสะพาน 2 : 4.2 กม.

JJ Mall : 4.3 กม.

Healthcare

รพ.สุทธิสาร : 2.4 กม.

รพ.โกลเด้นเยียร์ : 4 กม.

รพ.เปาโลเมโมเรียล : 4.2 กม.

รพ.พญาไท 2 : 7.4

Work Place

อาคารเล่าเป้งง้วน : 450 ม.

อาคารซันทาวเวอร์ : 500 ม.

สนง.ใหญ่การบินไทย : 600 ม.

ไทยรัฐ : 700 ม.

สวนจตุจักร : 1 กม.

สวนรถไฟ : 1.4 กม.

สนง.ขนส่ง ลาดพร้าว : 3.8 กม.

ไปรษณีย์ลาดพร้าว : 5.8 กม.

สนามกีฬากองทัพบก : 7.6 กม.

Healthcare

รร.หอวัง : 2.9 กม.

ม.ราชภัฏจันทรเกษม : 6.1 กม.

ม.เกษตรศาสตร์ : 8.4 กม.

Transportation

MRT พหลโยธิน : 600 ม.

MRT จตุจักร : 2.5 กม.

BTS หมอชิต : 2.5 กม.

 

ภาพรวมในย่านนี้ ถือว่ามีเสน่ห์มาก มีดีที่ความลงตัวเรื่องการเดินทาง, ความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ อีกทั้ง ตัวโครงการเองก็อยู่ในจุดที่ชมวิวสวนกว่า 700 ไร่ ได้อย่างเต็มตา ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไป คือ ตัวโครงการเองว่าจะมีการออกแบบทั้งส่วนกลางและห้องพักอย่างไรบ้าง… ไปชมกันเลยค่ะ …

Facility

ส่วนกลางของที่นี่จะแบ่งเป็น 3 ช่วงคือ บริเวณฐานล่าง คือชั้น 1-3 ของอาคาร ช่วงกลางของอาคาร คือ ชั้น 8 และบริเวณส่วนยอด คือ ชั้น 34 และ Roof Top ค่ะ

โดย ในส่วน ฐานอาคาร หรือ ชั้น 1-3 จะมีส่วนกลาง คือ สวนหย่อม (Hidden Forest) ที่ด้านนอกตัวตึก, Drop-Off, Lobby Lounge, Semi Outdoor Lounge, Shop Unit, E-Library และ Meeting Room

 

และช่วงกลางของอาคาร จะมี สวนส่วนกลาง อยู่ที่ ชั้น 8 ด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับอาคาร และยังเป็นการระจาย Facility ให้กับลูกค้าที่อยู่ในชั้นต่างๆได้ใช้งานอย่างทั่งถึงอีกด้วย

โดย ในส่วนยอด ของอาคาร คือ ชั้น 34 และ Roof Top ซึ่งจะประกอบด้วย Sky Lounge, Co-Working Space, Workout Space, Fitness on Demand, Pool, Bar BQ area, Co-Kitchen และ Jogging Track

เริ่มจาก ชั้นล่างสุด … ด้วยตัวโครงการตั้งติดกับถนนใหญ่ ถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับความเจริญต่างๆ โครงการจึงตั้งใจออกแบบให้เมื่อเข้ามาในโครงการลูกบ้านจะพบกับ Hidden Forest หรือสวนหย่อมที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกำแพงรั้วโครงการ ที่จะช่วยปลดปล่อยความเหนื่อยล้า หลังจากที่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายในเมืองหลวงมาทั้งวัน

ซึ่งทางเข้าจะมีทั้งทางสำหรับรถวิ่งและทางสำหรับในคนที่ใช้รถสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า ให้สามารถเดินลัดเลาะเข้ามาในบริเวณสวนเผื่อผ่อนคลายอารมณ์ หรือ หากใครต้องการนั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนเข้าที่พักอาจแวะพักที่ Pavilion in Hidden Forest  ซึ่งจัดไว้ส่วนด้านในของสวนก็ได้ค่ะ เรียกได้ว่า ได้ชาร์จพลังสดชื่นกันตั้งแต่หน้าโครงการเลยทีเดียว

เมื่อเข้ามาจากจุด Drop Off จะพบกับ Semi-Outdoor Lobby เป็นอย่างแรก ซึ่งช่วยเชื่อมต่ออารมณ์ของอาคารภายยนอกเข้าสู่ภายในอาคาร และในระยะยาวจะช่วยลูกบ้านประหยัดค่าแอร์ส่วนกลางด้วยค่ะ

ภายในชั้น 1 จะมีส่วนของ Lobby Lounge ขนาดใหญ่ แบบ double volume ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุเกรด premium ที่คัดสรรมาอย่างดี วัสดุและการออกแบบในแต่ละรายละเอียดเทียบเท่ากับ Luxury Condominium เลยทีเดียวค่ะ

Theme ในการออกแบบคือ สีขาว ทอง เป็นหลัก ตัดด้วยสีดำ เทา และ สีทองแดง ซึ่งทำให้ดูผ่อนคลาย ทันสมัย อบอุ่นและหรูหราในคราวเดียวกัน โดยผู้ออกแบบถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ ผ่านวัสดุที่มีทั้งสี ลวดลาย และผิวสัมผัส ที่แตกต่างกัน

โดยสิ่งที่เป็น High Light หลัก คือ วัสดุหินชนิดต่างๆ ที่เป็นหินนำเข้า จากต่างประเทศทั้งหินแกรนิตและหินอ่อน ค่ะ

ที่ Sale Gallery มี การตกแต่งด้วยวัสดุที่จะใช้จริงในส่วน Lobby Lounge ให้ดูด้วยค่ะ

เช่น หินอ่อน White Onyx Marble ซึ่งเป็นหินเรื่องแสง ที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกความผ่อนคลาย โปร่งสบาย แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา ซึ่งเรามักจะเห็นเป็น Gimmick   ในโครงการ Luxury Condo ก็ถูกนำมาสเปคเป็นวัสดุของส่วนกลางบริเวณ Lobby Lounge ของ The Privacy Jatujak ด้วย

หรือจะเป็นหิน Phantom White Marble หินอ่อนลายพิเศษ สีขาวสลับดำแบบลายธรรมชาติ ที่ผู้ออกแบบเลือกใช้บริเวณบันไดในโถง Lobby Lounge ซึ่งจะได้อารมณ์ที่หรูหรา แต่โมเดิร์น และรู้สึกสนุกขึ้น ค่ะ

นอกจากนั้น ที่ชั้น 1 ทางโครงการยังมีส่วนของ shop ทั้งหมด 3 ยูนิต เพื่ออำนวนความสะดวกให้แก่ลูกบ้าน ด้วยค่ะ ในอนาคตอาจเป็นร้านสะดวกซื้อ, ร้านซักรีด, หรือ ร้านเสริมสวย ก็จะแล้วแต่นิติบุคคลที่เข้ามาบริหารค่ะ

ในส่วนของห้องสมุด ทางโครงการ ก็ยังดึงเอา Technology มาใช้ คือ E-Library ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ จากหน้าจอ Smart Phone ขึ้นจอเพื่อใช้ประชุมงานร่วมกันได้  โดยหากต้องการใช้ลูกบ้านสามารถจองการใช้งานล่วงหน้าได้ค่ะ

ชั้น 3 จะมี Meeting Room ที่สามารถจองเพื่อใช้เป็นห้องประชุมส่วนตัวกับเพื่อนๆ หรือเป็นสถานที่สำหรับพบปะลูกค้า คุยงาน หรือ คนรุ่นใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานออฟฟิศก็สามารถมาใช้ส่วนกลางนี้เป็นครั้งคราวได้ เท่ากับว่า ชีวิตครบถ้วนสมบูรณ์แทบไม่ต้องออกไม่ร้านกาแฟ หรือ co-working space ข้างนอกที่ไหน เรียกว่าคุ้มค่าเพราะลงทุนครั้งเดียวได้ทั้งที่พักอาศัยและที่ทำงานค่ะ

ชั้น 8 จะเป็นสวนที่มีความยาวตามแนวตึก มีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน และมุมสำหรับเล่นระดับหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดความสนุกในการใช้งานและยังเป็นการเพิ่มความรู้สึกส่วนตัวให้กับคนที่ใช้งานในแต่ละมุมอีกด้วย

ส่วน Facility หลักอีกแห่ง คือ ที่ชั้น 34 และ Roof Top ซึ่งเป็น ชั้นที่สูงสุดโครงการค่ะ ซึ่งส่วนกลางที่นี่มอบมุมมองแบบ 360 องศาให้กับลูกบ้าน และนอกจากได้วิวที่สวยงามแล้วยังได้ Function ที่ตอบโจทย์ครบครันเลยทีเดียวค่ะ ไปดูทีละส่วนกันค่ะ…

ส่วนหน้าสุดของพื้นที่ส่วนกลางนี้ คือ ของ Sky Lounge ซึ่งจะเป็นกระจก Full-Height เป็นส่วนที่มองเห็นวิวสวนกว่า 700 ไร่ ได้ชัดเจนและใกล้ชิดที่สุด

ถัดมาในฝั่งของ Co-Working Space ซึ่งเปิดวิวโล่งสามารถมองเห็นวิวสวนได้เช่นกัน และยังเห็นวิวเมืองฝั่งถนนวิภาวดี-ดินแดง และโครงการให้น้ำหนักกับพื้นที่ส่วน Co-Working Space มากพอสมควรเทียบเท่ากับเนื้อที่ของ Workout Space และ Fitness on Demand รวมกันเลยทีเดียว เพราะ Functionของ พื้นที่นั่งทำงานนี้ ก็จัดเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตคนเมืองปัจจุบันไปแล้วค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งของ Co-Working Space คือ Fitness ที่วางตัวตามแนวยาว ทำให้สามารถ Take View ได้อย่างเต็มที่สำหรับทุกเครื่องเล่น

และยังมี Function พิเศษ ที่น่าประทับใจคือ Fitness on Demand เป็นห้อง Fitness ขนาดย่อมที่สามารถจองล่วงหน้าเพื่อใช้เล่นกันได้แบบส่วนตัวได้ โดยจะมีจอภาพที่สามารถเชื่อมต่อกับ Smart Phone ขึ้นจอภาพใหญ่ในห้องให้คนในห้องสามารถมีกิจกรรมพร้อมกันได้ค่ะ

ภาพนี้เป็นภาพที่ทางโครงการใน promote โครงการ บน concept ที่ว่า The Enchanting Moment ที่เป็นเงาสะท้อนของตัวนางแบบบนเพดานนั้น มีความหมายนะคะ

 

ทราบจากเจ้าหน้าที่โครงการว่า ที่บริเวณเพดานของส่วน สระว่ายน้ำจะใช้วัสดุที่สามารถสะท้อนเงาได้ มาติดตั้ง เพื่อสร้าง Reflect (เงาสะท้อน) ที่หลากมิติ ทั้งเงาจากน้ำในระดับสายตาและเงาจากเพดาน ที่จะสะท้อนทั้งวิวของสวนยามกลางวันและ แสงไฟจาก City view รวมถึงแสงไฟตกแต่งบริเวณสระยามค่ำคืน เพื่อเนรมิตให้สถานที่แห่งนี้ เปี่ยมล้นไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง

ส่วนของสระว่ายน้ำ ก็เป็นมุมที่ Take View สวนได้เต็มที่เช่นกัน เพราะเป็นฝั่งด้านหน้าโครงการ โดยถ้าพิจารณาจุดเล็กๆน้อยๆของพื้นที่ส่วน Pool นี้ ถือว่าทำออกมาได้น่ารักและมีเสน่ห์มากๆค่ะ อดชมในใจไม่ได้ว่าผู้ออกแบบนี้ช่างละเมียดละไมจริงๆ เพราะเขานึกถึงการใช้งานจริงของคนแต่ละคน ในการใช้งานมุมแต่ละมุมจริงๆ

ที่บริเวณสระนี้จะมีสระเด็กแยกกับสระของผู้ใหญ่ เนื่องจากความยาวสระไม่ได้ยาวมาก ทางโครงการออกแบบมาให้เป็นสระที่เหมาะแก่การแช่น้ำ ว่ายเบาๆ และชมวิวมากกว่า

โดยบริเวณที่ชิดขอบอาคาร หรือจุดที่ใกล้วิวสวนที่สุดจะออกแบบให้เป็นเป็นจากุชชี่  เหมาะแก่การชมวิวและโดยทำขอบกระจกขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยแต่ยังสามารถให้มองเห็นทะลุออกไปชมวิวได้อย่างไม่ขัดสายตา

ถัดเข้ามาด้านในออกแบบให้เป็นชิงช้า ที่สามารถนั่งห้อยขาลงไปแช่น้ำได้ และชั้นลอยยังสามารถขึ้นไปนั่งชมวิวได้อีก ซึ่ง ณ บริเวณนี้สามารถเห็นทั้งวิวของสระว่ายน้ำและชมวิวสวนได้ไปพร้อมๆกันอีกด้วย

 

ในอีกมุมหนึ่ง ยังมี Sky Bar ที่เป็นแบบ Semi Outdoor คือ ฝั่งหนึ่งติดสระว่ายน้ำ สามารถรับวิวและลมที่พัดเข้ามาได้อย่างเต็มที่ และอีกฝั่งจะติดเป็นกระจกซึ่งสามารถ Take View เมืองฝั่งทิศตะวันออก (รัชดา-ลาดพร้าว) ที่ไกลออกไปสุดสายตาได้อีกด้วย

ในส่วนของ Roof Top ในส่วนหน้าสุดของอาคาร เป็นจุดชมวิวค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือ พระอาทิตย์ตกดิน ที่นี่ค่ะ ทางโครงการจัดส่วนของลาน Bar BQ ให้ลูกบ้าน รวมถึง Co-Kitchen ซึ่งลูกบ้านสามารถจองการใช้งานในโอกาสที่อยากจัดปาร์ตี้สังสรรกันค่ะ

นอกจากนั้นที่น่าชื่นชมในความคิดของผู้ออกแบบค่ะ โครงการออกแบบให้ส่วนของห้อง Service ต่างๆ ซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้ แล้วให้มี Jocking Track ลัดเลาะไปตามแนวอาคารอย่างเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์มากๆค่ะ

และนี่เป็นภาพจากมุมสูง ณ ที่ตั้งโครงการค่ะ จะเห็นว่า วิวที่เป็นเส้นสีเหลือง คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นมุมมองที่ค่อนข้องเปิดโล่ง ซึ่งจะเห็นเป็นวิวสวนกว่า 700 ไร่ ได้อย่างชัดเจนค่ะ ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับอาคารโครงการจะเป็นอาคาร Equinox ความสูง 41 ชั้น

ส่วนแนวเส้นสีแดงเป็นแนวเหนือใต้ สามารถมองเห็นวิวเมืองได้ ซึ่งในระยะใกล้เป็นอาคารสูงเพียง 15 ชั้น ทิศเหนือคือ มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น และ BMW ทางทิศใต้ค่ะ ส่วนฝั่งทิศเหนือแม้จะมีอาคารสูง 41 ชั้น แต่ก็ห่างออกไปมากถึง 70 เมตร เป็นระยะที่ไม่อึดอัดค่ะ

และทางโครงการทำภาพจำลองจากภาพถ่ายจริง ณ ระดับความสูงที่ยอดตึกของมุมมองในทิศต่างๆ ดังนี้ค่ะ

วิวในมุมของฝั่งทิศเหนือ – อุทยานสวนจตุจักร

วิวในมุมของฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – รัชดา ลาดพร้าว (วิวเมือง)

วิวในมุมของฝั่งทิศใต้ – ดินแดง (วิวเมือง)

วิวในมุมของฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ – อุทยานสวนจตุจักร

วิวทุกทิศของโครงการ แทบจะเปิดโล่งในระยะไกลค่ะ ไม่อึดอัดเลยเมื่อเทียบกับโครงการคอนโดในย่านอื่นๆ ที่หนาแน่นมาก แทบไม่มีระยะห่างระหว่างแต่ละคอนโด เท่ากับว่าที่นี่เราได้วิวดี แต่ก็เดินทางสะดวกแถมส่วนกลางต่างๆก็น่าใช้มากๆค่ะ

ในขณะที่ทำเลที่ตั้งใกล้กับความเจริญและความสะดวกสบายมากมาย แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาในโครงการก็เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง ส่วนกลางต่างๆที่มีให้ก็ใช้ทั้งวัสดุและ Function ที่ไม่น้อยหน้าโครงการ Luxury Condo

ซึ่งที่ The Privacy Jatujak นี้ไม่ใช่แค่สวย แต่ Function ยังครบครันและทันสมัยเพราะมีการนำเอา Technology มาใช้กับหลายๆส่วนของโครงการตั้งแต่หน้าโครงการ ส่วนกลางจุดต่างๆ จนถึงในยูนิตพักอาศัย

ทำเลที่เดินทางง่ายขาดนี้ แถมรถก็ไม่ติด แต่ยังได้วิวสวนธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่ และยังไม่มีตึกสูงที่หนาแน่นในระยะประชิดนั้น ต้องบอกเลยว่าแทบจะไม่มีทำเลไหนในกรุงเทพฯที่จะเปรียบเทียบได้ใกล้เคียงเลยค่ะ

Unit Plan

หากถามว่าโครงการ The Privacy นี้ เหมาะกับใคร ต้องบอกว่าเหมาะกับคนแทบทุกกลุ่มค่ะ

ทั้งคนที่มองหาที่อยู่เป็นบ้านหลังแรกหรือบ้านหลังที่สอง เพราะราคาต่อตารางเมตรไม่ได้สูงมาก และแบบห้องก็มีทั้ง 1 ห้องนอน สำหรับคนที่พักอาศัยคนเดียว, ห้อง Loft สำหรับคนที่เป็นวัยรุ่นชอบห้องที่มีลูกเล่นเยอะ, ห้อง 2 ห้องนอน สำหรับคนที่อยู่เป็นครอบครัว หรืออาจจะเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตในห้องเยอะๆ เช่นใช้ห้องนึงเป็นห้องนอนแล้วปรับอีกห้องนอนหนึ่งเป็นห้องทำงาน เป็นต้น

โครงการมีห้องทั้งหมด 4 รูปแบบหลักให้เลือกค่ะ

  • 1 Bedroom 26.00 – 33.50 ตร.ม.
  • Loft 30.00 -31.00 + 18 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 1 Bath 45.50 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 2 Bath 53 ตร.ม.

1 Bedroom 26 sq.m.

ห้องตัวอย่างห้องแรก คือ ห้องที่เป็น แบบหลักของโครงการ คือ ขนาด 26 ตารางเมตรค่ะ โดยโครงการจะจัดให้มีห้องขนาด 26.00-33.50 ตารางเมตร ในทุกชั้นทุกวิวของตึกค่ะ ซึ่งจุดเด่นอย่างแรกที่เห็น คือ ความโปร่งโล่งของห้องค่ะ เพราะที่นี่เขาให้ เพดานสูง 2.75 เมตร กระจกหน้าต่าง เกือบเต็มบาน สูง 2.6 เมตร เลยทีเดียวค่ะ

การออกแบบของห้องรูปแบบ 1 Bedroom ที่ The Privacy Jatujak เน้นให้ ห้องนอนรับวิวได้ชัดเจนที่สุด และครัวติดกับระเบียงเพื่อการระบายอากาศที่ดีและเป็นครัวปิดสามารถใช้งานได้จริง โดยดันเอาพื้นที่ส่วนห้องน้ำที่ไม่ต้องการวิวอย่างห้องน้ำไว้ด้านในของห้องค่ะ

จากภาพจะเห็นว่าการวางเตียง Queen Size ก็กำลังพอดี แต่ถ้าอยู่คนเดียวแล้วใช้เป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต ก็จะทำให้ห้องนอนกว้างขึ้นอีกค่ะ ส่วนหัวเตียงมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเล็กๆได้ พอสำหรับชาร์จแบตโทรศัพท์และของใช้อื่นๆส่วนตัวค่ะ

ส่วนของครัว แม้จะไม่ใหญ่มาก แต่จะให้เป็น Buit-in แบบครบครัน ทั้ง Hood (เครื่องดูดควันระบบดูดปล่อยออกด้านนอก) , Hob (เตาไฟฟ้า 2 หัว), Sink (อ่างล้างจาน) และเว้นช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัวเลยค่ะ

 

และด้านหลังจะมี Backsplash เป็นกระจกสีชาค่ะ ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและยังทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย

 

หมายเหตุ. เครื่องดูดควันระบบดูออกด้านนอกนั้น เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะคอนโดอื่นๆหลายแห่งใช้แบบดูดหมุนเวียนในห้อง ทำให้กลิ่นยังคงหมุนเวียนอยู่ภายในไม่ได้หายออกไปจริงๆค่ะ

หากมองจากด้านในครัว จะเชื่อมต่อออกไปที่ระเบียงได้ค่ะ ซึ่งเราสามารถ ใช้ตากผ้าเล็กๆน้อยๆ บริเวณระเบียงได้เลย เพราะเครื่องซักผ้าอยู่ในส่วนเดียวกัน เป็นการแยกส่วน Service และ ส่วนพักอาศัยออกจากกันชัดเจนค่ะ

ในลิ้นชักของBuilt-in ครัว จะมีช่องวางช้อนส้อมมีด ไว้เรียบร้อย ค่ะ แข็งแรงทนทานและใช้งานสะดวกค่ะ

 

ในส่วนอ่างล้างจานจะเป็นแบบ under mounth ซึ่งเป็นการเก็บขอบอ่างไว้ด้านล่างเคาน์เตอร์ ข้อดี นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังดูแลทำความสะอาดง่ายอีกด้วยค่ะ

 

ใต้อ่างล้างจานจะมีถังขยะขนาด 5 ลิตร แบบเปิดปิดอัตโนมัติค่ะ ภายในกรุด้วยวัสดุที่กันความชื้น และทำความสะอาดง่าย

ห้องน้ำ ที่ The Privacy Jatujak เขาให้แบบเทียบเท่ากับ Luxury Condoเลยค่ะ คือ ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ แผ่นใหญ่ทั้งพื้นและผนังทุกด้านจนสุดเพดาน ซึ่งช่วยให้สวยงามและยังดูแลรักษาง่าย ไร้ซึ่งเชื้อราต่างๆ

ติดกระจกให้เต็มบาน ใต้อ่างล้างหน้าเป็นตู้เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ให้เรียบร้อยขึ้น และ Built-in เป็นชั้นวางของใต้กระจก และยังทำตู้ด้านหลังบานกระจกให้ด้วย ช่วยเพิ่มพื้นที่การวางของให้มากขึ้น

สุขภัณฑ์ เลือกใช้เป็นของ Cotto ทั้งหมด ทำให้มั่นใจคุณภาพและอายุการใช้งานได้นานหายห่วง

ขนาดของอ่างล้างหน้า เทียบกับขนาดของมือแล้วจะเห็นว่าไม่ใหญ่นัก แต่ความลึกของอ่างถือว่าใช้งานได้ดี น้ำไม่กระเด็นเมื่อใช้งานจริง

พื้นห้องน้ำใช้กระเบื้องแกรนิตโต้แบบพื้นผิวด้าน เพื่อกันลื่น และทำความสูงต่างระดับเพื่อกันไม่ให้น้ำในห้องน้ำไหล หรือกระเด็นออกไปเลอะเทอะห้องด้านนอก

 

ฝาท่อ เป็นแบบที่แนบไปกับพื้นห้อง สวยงาม ไม่เลื่อนเปิดง่าย และยังมีผิวสัมผัสที่สมูทเวลาเหยียบอีกด้วยค่ะ

 

ส่วน Shower set ในห้องน้ำของห้องทุกรูปแบบ จะเป็น Rain Shower พร้อมด้วย Hand Shower ซึ่งปรับความแรงของน้ำได้ ถึง 5 ระดับ

 

มีช่องติดพัดลมดูดอาการอย่างดี ติดตั้งให้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเดินระบบทำน้ำอุ่นรอไว้ให้ค่ะ

สวิชต์ไฟฟ้ารวมถึงระบบต่างๆภายในห้อง สามารถสั่งการผ่านระบบ Smart Phone ได้ ค่ะ

เป็นยังไงคะกับห้องแรก ฟังก์ชั่น การออกแบบ และวัสดุ อยากใช้คำว่า “กินขาด” แทบไม่เห็นจุดไหนเลยที่ออกมาขัดตา ทุกอย่างพรีเมี่ยมจริงๆค่ะ

สำหรับรูปแบบนี้มีขนาด 26 ตารางเมตร ข้อดี คือ ราคาเอื้อมถึงง่ายค่ะ ในทำเลแบบนี้ และได้คุณภาพห้องแบบนี้ ถือว่าคุ้มมาก ใครสนใจต้องรีบแล้วล่ะค่ะ…

1 Bedroom 30 sq.m.

มาดูห้องถัดมากันค่ะ เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย คือ ขนาด 30 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่พอจะอยู่ 2 คนได้สบายๆค่ะ เป็นห้องที่หันหน้าเข้าวิวสวนด้วย  ไปดูการออกแบบกันค่ะ แน่นอนว่าห้องนนี้ก็ให้ เพดานสูง 2.75 เมตร กระจกหน้าต่าง เกือบเต็มบาน สูง 2.6 เมตร เช่นกันค่ะ

ห้องรูปแบบนี้ เป็นห้องที่วางรูปแบบ ตอนลึกหน้าแคบ ปกติแปลนห้องจะทำให้ดูอึดอัด แต่ที่ The Privacy Jatujak สามารถออกแบบให้ดูโล่งโปร่งได้ โดยการแบ่งห้องเป็น 3 ตอนเท่าๆกัน ตอนแรกนอกสุดเป็นส่วนพื้นที่ service คือ ครัวและห้องน้ำ ส่วนกลางเป็นห้อง Living ที่มีขนาดเท่ากันกับห้องนอน ทำให้ได้ทั้งห้องนอนและห้องน้ำที่ขนาดกำลังดี ไม่อึดอัด แล้วเชื่อมต่อแต่ละตอนด้วย บานกระจก สไลด์ ทำให้มองทะลุได้ไกลถึงด้านในสุดของห้องค่ะ เท่ากับว่าจะเห็นวิวได้หมดทุกห้อง

บานประตูแบบ Overside ปิดผิว Laminate ลายไม้สีอ่อน พร้อมทั้งติดตั้งระบบ Digital Door Lock 4 ระบบ คือ ใช้การ์ด, รหัส, กุญแจ และ Finger Scan ซึ่งลักษณะของก้านเป็นแบบกดกระเด้ง ทำให้ง่ายในการเปิดประตูมากๆค่ะ

ห้องรูปแบบนี้เมื่อเข้ามาจะพบกับส่วนครัวก่อน เป็นครัวขนาดกระทัดรัดรูปตัว I ชิดผนัง ที่โครงการ Built-in มาให้แล้ว อุกปกรณ์ครบครัน เป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว เครื่องเครื่องดูดควันแบบปล่อยออกด้านนอก สเปคเดียวกันกับห้องรูปแบบก่อนหน้าค่ะ

อ่างล้างจานและเตาไฟฟ้า เป็นของยี่ห้อ Franke ค่ะ เป็นอ่างแบบเหลี่ยมค่อนข้างลึก สามารถจุจานชามได้มาก เวลาล้างจานสะดวก และเตาไฟฟ้าเป็นเตา 2 หัววางตามแนวลึกทำให้เหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับเตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์ได้

ในลิ้นชักชั้นบนให้กล่องใส่อุปกรณ์ ช้อน มีด มาให้แล้วใช้งานสะดวก ส่วนในตู้ที่เป็นปล่อง Hood ดูดควันก็ไม่ปล่อยทิ้งเสียเปล่า แต่มีการ Built เป็นชั้นตื้นๆ เพื่อวางของด้วย

ถัดจากห้องครัวและห้องน้ำจะเป็นส่วนของ Living คือ วางโซฟาไว้ชิดริมด้านหนึ่งและสามารถติดทีวีแขวนผนังฝั่งตรงข้ามได้พอดี

 

ซึ่งโซฟา วางให้ดูเป็นแบบ 2 ที่นั่งมาให้ และยังเหลือที่วางโต๊ะทานอาหารตัวเล็กๆ ได้อีก 2 ที่นั่ง

 

แต่หากเราจะวางเป็นโซฟาขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องมีโต๊ะทานอาหารจริงจังก็ได้ค่ะ ก็ช่วยให้ห้องดูสบายๆ ลงตัว

เมื่อมองทะลุผ่านบานกระจกสไลด์ออกไปจะเห็นไกลจนถึงวิวที่ห้องนอน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งแม้จะเป็นห้องขนาดเพียง 1 ห้องนอนค่ะ

ห้องนอนใช้กระจกสไลด์ใหญ่เกือบเต็มผนัง เชื่อมต่อออกไปที่ระเบียงห้องค่ะ โดยโครงการจะเว้าช่องบริเวณหัวเตียงให้ตามในภาพห้องตัวอย่าง ซึ่งเราสามารถ Built-in เป็นโต๊ะทำงาน, โต๊ะเครื่องแป้ง, หรือที่นั่งเล่นก็ได้ตามใจชอบ

มองจากภาพ เมื่อวางเตียงขนาด Queen Size ยังเหลือที่ตรงหัวเตียงเล็กน้อยให้วางชั้นเล็กๆ แต่ถ้าหากต้องการวาง King size ก็วางได้ โดยแทนที่จะทำช่องที่เว้าเป็นโต๊ะทำงานที่เดินเช้าไปนั่งได้ ก็เปลี่ยนเป็น ชั้นเตี้ยๆติดผนังเอาไว้วางของแทนค่ะ ประยุกต์ได้หลายรูปแบบตามใจเรา

มองจากภาพ เมื่อวางเตียงขนาด Queen Size ยังเหลือที่ตรงหัวเตียงเล็กน้อยให้วางชั้นเล็กๆ แต่ถ้าหากต้องการวาง King size ก็วางได้ โดยแทนที่จะทำช่องที่เว้าเป็นโต๊ะทำงานที่เดินเช้าไปนั่งได้ ก็เปลี่ยนเป็น ชั้นเตี้ยๆติดผนังเอาไว้วางของแทนค่ะ ประยุกต์ได้หลายรูปแบบตามใจเรา

เนื่องจากห้องจะใช้บานกระจกสไลด์กั้นระหว่างโซนทั้งหมด โดยถ้าเป็นส่วนที่ขั้นระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้งจะใช้รางที่มีขอบสูงเพื่อกั้นไม่ให้น้ำกระเด็นเข้ามาภายในห้องค่ะ แต่ถ้าเป็นภายในห้องจะเป็นรางที่เรียบเสมอกันเพื่อให้เวลาเดินไม่สะดุด รู้สึกสมูทเชื่อมต่อกันทั้งห้อง

เนื่องจากห้องรูปแบบนี้เป็นห้องตำแหน่งที่วิวโล่งสวยเห็นสวน และขนาดก็กำลังสบายๆ จึงเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างขายดีค่ะ จะซื้ออยู่เอง หรือลงทุนก็เหมาะ เพราะคนที่อยู่อาศัยจริงจะรู้สึกอยู่สบาย แต่ราคาก็ไม่สูงมากจนเกินไปค่ะ…

2 Bedroom 31 sq.m.

ห้องสุดท้าย คือ ห้องรูปแบบ 2 ห้องนอน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าห้องรูปแบบนี้กลับขายดีที่สุด ทั้งที่ราคาเริ่มต้นสูงที่สุด เพราะแบบนี้ทางโครงการการันตีว่า จะเป็นห้องมุมเท่านั้นค่ะ ซึ่งทั้งโครงการจะมีจำนวนไม่มาก ถือว่าเป็น rare item ค่ะ

 

นอกจากวิวที่เป็นห้องมุมแล้ว แต่ฟังก์ชั่นและวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้อง ก็ยังให้มาพิเศษกว่าห้องขนาด 1 ห้องนอนปกติด้วยค่ะ เราไปชมกันค่ะ ว่าจะพิเศษขนาดไหน รับรองว่าต้องร้องว้าวกันแน่ๆค่ะ…

ห้องขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ นี้จะดันเอาห้องนอนทั้งสองห้องไว้ชิดริมนอกเพื่อรับวิวให้เต็มที่ค่ะ และพิเศษ คือ ภายในห้องนอน Master จะมีห้องน้ำในตัว และจะเป็น Sexy Bathroom ที่สามารถมองเห็นวิวได้จาก อ่างจากุชชี่ เพื่อให้สามารถชื่นชมวิวขณะแช่อ่างได้ด้วยค่ะ

ห้องแรกที่จะพบก็คือ Living Area และ Dinning Area โดยจะทำเป็นครัวเปิด เพื่อเปิดพื้นที่กิจกรรมให้คนที่อยู่อาศัยได้ทำร่วมกัน อาจจะมีเพื่อนหรือญาติมาพบ แล้วทำอาหาร นั่งเล่น ดูทีวี คุยกัน ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเองแต่ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้ แต่เนื่องจากเป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารจริงจังนัก

ส่วนของครัวจะเป็นครัวรูปตัว L ขนาดใหญ่ เป็นเคาน์เตอร์ Built-in พร้อมอุปกรณ์ครัวจาก Franke ซึ่งจะมีระดับความสูงของอุปกรณ์ต่างๆที่เหมาะกับคนไทย ตู้ Built-in ต่างๆ ให้มาเยอะมากตั้งแต่พื้นจรดฝ้าค่ะ

โดยห้องตัวอย่าง Built-in เป็น โต๊ะยาวเหมือนกับ Island ขึ้นเป็นโต๊ะอาหารเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ ทำให้ดูต่อเนื่องกลมกลืนกัน ก็เป็นไอเดียที่ดีค่ะ แต่หากเราปล่อยโล่งก็จะได้เนื้อที่กลางห้องที่โล่งมากขึ้นมากค่ะ

เตาไฟฟ้า ได้เป็นแบบ 4 หัวค่ะ และเจาะช่องวางเตาอบ/ไมโครเวฟ ในระดับที่เหมาะสม ไม่สูงเกินไป และเครื่องดูดควันระบบดูดปล่อยออกจาก Franke ค่ะ

ส่วนของครัวจะเป็นครัวรูปตัว L ขนาดใหญ่ เป็นเคาน์เตอร์ Built-in พร้อมอุปกรณ์ครัวจาก Franke โดยห้องตัวอย่าง Built-in เป็น โต๊ะยาวเหมือนกับ Island ขึ้นเป็นโต๊ะอาหารเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ ทำให้ดูต่อเนื่องกลมกลืนกัน ก็เป็นไอเดียที่ดีค่ะ แต่หากเราปล่อยโล่งก็จะได้เนื้อที่กลางห้องที่โล่งมากขึ้นมากค่ะ

อ่างล้างจานแบบหลุมลึกขนาดเท่ากันกับห้องรูปแบบอื่น แต่ด้วยขนาดเคาน์เตอร์โดยรวมที่กว้างขึ้น เท่ากับว่ามีพื้นที่เตรียมอาหารเยอะมากขึ้นค่ะ

 

ทางการโครงการให้ที่แขวนจานตามภาพมาด้วยค่ะ และให้ Backsplash เป็นกระจกสีชาแบบเดียวกับห้องรูปแบบอื่นๆค่ะ

ถังขยะจะเป็นถัง 5 ลิตรแบบเปิดอัตโนมัติ พื้นผิวช่องใต้ Sink จะกรุด้วยวัสดุกันความชื้น สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยค่ะ

 

Top เคาน์เตอร์ครัวของแบบ 2 ห้องนอน จะพิเศษขึ้นกว่าแบบอื่นเพราะเป็นหินอ่อนนำเข้าค่ะ สังเกตลวดลายจะเป็นหินอ่อนสีเทาอ่อนๆสวยมากค่ะ

 

ในส่วนครัวนี้แม้จะเป็นครัวเปิดและเชื่อมต่อกับส่วน Living แต่จะปูพื้นด้วยกระเบื้องแบบกันลื่นและมีการเชื่อมรอยต่อด้วยตัวจบแบบที่มีความสูงสูงจากพื้นเพียงเล็กน้อย ทำให้สมูทเวลาเดิน แต่ยังช่วยกันน้ำที่อาจจะหกไหลนองบนส่วนครัวได้ด้วยค่ะ

ถัดมาจากส่วน Living และ Dinning จะเป็นโซนก่อนและเข้าห้องน้ำรวมและห้องนอนย่อยค่ะ จะเป็นบานตู้จรดฝ้าที่ภายในเว้นช่องไว้เพื่อวางเครื่องซักผ้า ค่ะสามารถใช้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดอื่นๆได้ทั้งหมดที่ตู้นี้ค่ะ

ห้องน้ำห้องนี้เป็นห้องน้ำสำหรับส่วนกลาง แขกที่มาเยี่ยม รวมถึงห้องนอนรอง ก็จะใช้ห้องนี้ร่วมกันค่ะ จะมีอุปกรณ์ครบครันทุกอย่างเทียบเท่ากับรูปแบบ 1 ห้องนอน คือ มีทั้ง Rain Shower Set, Hand Shower Set, ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered, ชุดสุขภัณฑ์จาก Cotto, ตู้หลังกระจกและใต้อ่างล้างจาน และปูกระเบื้องแกรนิตโต้ เต็มผนังจรดฝ้าค่ะ

ห้องนอนเล็ก ของที่นี่จะเป็นห้องที่เห็นวิวด้วยค่ะ เนื่องจากเป็นห้องมุม ภายในห้องจะสามารถ take วิวผ่านกระจกเกือบเต็มผนังได้อย่างเต็มอิ่มค่ะ

ห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด Queen Size ให้ดูจะเห็นว่าเหลือที่ในการวางโต๊ะทำงานและวางตู้เสื้อผ้าได้ด้วย แต่ห้องจริงจะได้เป็นตู้ทึบปิดผิวลามิเนตสีเทา และหน้าบานกระจกสีชานะคะ

มาถึงห้องสุดท้ายกันบ้าง… คือ Master Bedroom ค่ะ เป็นห้องที่จะได้วิวจาก 2 มุมเลยค่ะ อย่างห้องตัวอย่างนี้ ฝั่งหนึ่ง Take View อุทยานสวนจตุจักร 700 ไร่ ได้เต็มๆส่วนห้องน้ำ ซึ่งเป็น Sexy Bathroom ก็จะมองเห็นทั้ง City View และ สวนค่ะ

 

จากภาพจะเห็นว่าเราสามารถวางเตียงที่ใหญ่ขึ้นอย่าง King Size ( 6 ฟุต ) ได้ค่ะ เพราะมีที่เหลืออยู่เยอะพอสมควร

ห้องนอนใหญ่จะมีระเบียงส่วนตัวด้วยค่ะ ซึ่งยาวตลอดแนวห้องทีเดียว สามารถเอาเก้าอี้เล็กๆ ออกมาวางเพื่อชื่นชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น – ตก ได้ที่ห้องของเราเองค่ะ

ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) นี้ จะเป็นแบบตามจริงที่ห้อง Type อื่นๆจะได้นะคะ คือ ด้านข้างทึบติดลามิเนตสีเทา และหน้าบานกนะจกสีชาเทา

 

แต่ในห้องนอนใหญ่ จะเพิ่ม Function เป็นตู้ใส่กระเป๋า ซึ่งจะถูกใจคุณสาวๆค่ะ

ภายในห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวเลยค่ะ อ่างล้างหน้าเป็น สเปค เดียวกันกับห้องทุก Type ค่ะ คือ Built-in ตู้ทั้งใต้อ่างล้างหน้าและด้านหลังกระจก เพื่อไว้เป็นช่องเก็บของค่ะ

แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ จะมีอ่างอาบน้ำ (Bathtub) ที่มีจากุชชี่ระบบแรงดันน้ำ และเป็น Sexsy Bathroom ด้วยค่ะ มองเห็นวิวได้กว้างเต็มตา ทั้งวิวเมืองและวิวสวน

ด้านข้างของอ่างจะมี Shower Set ซึ่งหากจะอาบน้ำแบบเร็วๆ หรือ ต้องการน้ำจาก Shower เพื่อนวดตัว และศีรษะให้หายจากความอ่อนล้าก็ใช้ร่วมกันได้เลยค่ะ ด้านข้างผนังจะมีการเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆให้แล้วเรียบร้อยค่ะ

 

ห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่นี้จะกั้นส่วนด้วยบานกระจกสไลด์แบบ 3 ตอนค่ะ ซึ่งพื้นรางจะเสมอพื้นไม่สะดุดเวลาเดินเข้าออก โดยเฉพาะเวลากลางคืนค่ะ

 

ในภาพจะเห็นว่ามีการเจ้าช่องเล็กๆฝั่งด้านท้ายอ่าง ที่ติดกับห้องนอน ซึ่งหากเรานอนแช่เราจะสามารถมองทะลุออกมาเห็นวิวในฝั่งของห้องนอนได้ด้วยค่ะ

Hand Shower จาก Cotto จะเป็นระบบแบบปรับแรงดันได้ 5 ระดับเลยค่ะ

และห้องน้ำ ระบบ Master นี้จะ ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เลยนะคะ โดยฝังไว้อย่างเรียบร้อยที่ที่ใต้อย่าง ทำให้สามารถใช้ระบบทำน้ำอุ่นได้ทั้งระบบ Shower และ Bathtub ค่ะ

โถสุขภัณฑ์ จาก Cotto จะเป็นระบบ Washlet ซึ่งจะเปิดอัตโนมัติเมื่อเดินมาที่หน้าโถค่ะ ตรงนี้เองเป็นอีกจุดหนึ่งที่The Privacy Jatujak สามารถเทียบชั้น Luxury Condo ได้ไม่อายใครค่ะ

 

อ่างล้างหน้าก็ขนาดกำลังพอดี ความลึกพอดีน้ำไม่กระเด็นเวลาใช้งานจริงค่ะ

อ่างอาบน้ำจะเป็นยี่ห้อ i-spa ส่วนอุปกรณ์ Shower จะเป็นของ Cotto ค่ะ

สวิชต์ไฟในห้องน้ำจะเป็นแบบกันน้ำค่ะ ส่วนฝาปิดท่อน้ำจะเป็นแบบเรียบเนียนสนิทไปกับพื้นค่ะ

และส่วนที่ทำให้ห้อง 2 Bedroom แตกต่าง อีกจุดหนึ่งคือ มี ระบบ Censor ในห้องน้ำทั้งสองห้องค่ะ เวลาที่เดินเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืนไฟส่องสว่างจะติดอัตโนมัติด้วยค่ะ ซึ่งเจ้าของห้องจะสามารถตั้งเวลาเปิดปิดเองได้ค่ะว่าอยากให้ Censor ทำงานตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมงค่ะ

ห้องตัวอย่างทั้งหมด เราเห็นมาครบทุกแบบแล้วนะคะ… จากที่เห็นต้องบอกว่า เหนือความคาดหมายมากค่ะ เนื่องจากด้วยราคาเป็นระดับราคาที่เอื้อมถึงง่ายแต่วัสดุ สเปค อุปกรณ์ทุกอย่างนั้น เทียบเท่ากับห้องระดับ Luxury ค่ะ จนทางเราต้องสอบถามโครงการว่าให้ห้องดีขนาดนี้สามารถขายราคาไม่ถึงนี้ ได้อย่างไร (คิดในใจว่ากำไรจะเหลือเท่าไหร่กันนะ) ทางโครงการเฉลยว่า จุดที่โครงการให้น้ำหนักจะเป็นส่วนที่ลูกบ้านได้ใช้จริงเช่นภายในห้องและส่วนกลางค่ะ แต่ส่วนวัสดุภายนอกอาคารเช่นในส่วนของ Facade จะไม่ได้ใช้วัสดุที่ราคาสูงหรือการออกแบบอาคารที่ก่อสร้างยากทำให้เปลืองค่าก่อสร้างโดยใช่เหตุค่ะ

Loft Room 30 – 31 Sq.m. (+18 Sq.m.)

ห้องรูปแบบ Loft จะมีขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร และส่วนที่เป็น Loft จะขนาดใหญ่พอสมควรประมาณ 18 ตารางเมตร ที่ Sale Gallery ไม่ได้แสดงห้องตัวอย่างไว้ แต่ก็วางสเปคมาให้ดูค่ะ

โดยสรุปแล้ว…โครงการ The Privacy Jatujak นี้คุ้มค่ามากๆค่ะ ถ้าหากใครที่ชอบ Location แล้วละก็ บอกได้คำเดียวเลยว่า คุณจะไม่ผิดหวัง ถ้าเลือกซื้อโครงการนี้

 

โครงการนี้ เหมาะกับใคร…

อาจจะเป็นคนที่มักใช้รถยนต์เป็นหลักและเดินทางด้วยถนนวิภาวดีเข้าสู่ตัวเมือง เช่น อยู่ตอนเหนือของกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดต่างๆทางเหนือ หากต้องการที่พักสะดวกสบายและคุ้มค่าในกรุงเทพใกล้ตัวเมือง …โครงการนี้ คือคำตอบ

 

อาจจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ย่านใกล้ๆนี้ดังเดิม คุ้นชินกับทำเล แล้วอยากอยู่ย่านเดิม อาจจะเป็นวัยสร้างครอบครัวที่แยกตัวออกมาจากครอบครัวใหญ่มาอยู่คอนโดแล้วยังอยากอยู่ใกล้ๆพ่อแม่… โครงการนี้ คือคำตอบ

 

อาจจะเป็น คนที่มีบ้านแนวราบอยู่ย่านนี้แล้วต้องการ บ้านหลังที่สอง เพื่อ Take View สวยๆ บนตึกสูง และส่วนกลางที่น่าใช้ สวยงาม สะดวกสบาย … กล้าพูดว่าแค่จ่ายเงินเพื่อให้ได้ใช้ส่วนกลางที่นี่ก็คุ้มแล้วค่ะ … โครงการนี้ คือคำตอบ

 

อาจจะเป็นนักลงทุน… ที่ต้องการลงทุนในคอนโด ใกล้ Interchange Station ใกล้ Hubการเดินทาง ทั้งรถโดยสารอย่างรถทัวร์ (สถานีขนส่งหมอชิต), เครื่องบิน (สนามบินสุวรรณภูมิ), ทั้งทางด่วน (ทางด่วนด่านดินแดง, ทางด่วน Toll way ดอนเมือง), รถไม่ติด เนื่องจากติดถนนใหญ่วิภาวดี … ซึ่งเป็นทำเลที่ หาได้ยาก (Rare Item) ค่ะ ทำเลแบบนี้หาเทียบเคียงได้ยาก … และในระดับราคาที่เอื้อมถึงง่าย

 

หากเน้นความคุ้มค่าก็สามารถเลือกซื้อฝั่งทิศเหนือ ที่หันชนกับ โครงการคอนโด High Rise ข้างเคียง ซึ่งจุดนี้ทำให้ราคาจะถูกกว่าทิศอื่นของโครงการ แต่ในความจริงระยะห่างถึง 70 เมตร ก็ไม่ได้ใกล้มาก แค่มองเฉียงๆ นิดเดียวก็หลุดออกมาเห็นวิวโล่งๆแล้วค่ะ ถ้าเทียบกับคอนโดในเมืองแล้วก็ไม่ได้จัดว่าแย่เลยค่ะ

ใครที่สนใจอยากชมห้องตัวอย่างจริงๆ ก็แวะมาที่ Sale Gallery เปิดให้ชมแล้วที่ริมถนนใหญ่วิภาวดีใกล้แยกลาดพร้าวค่ะ เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. ค่ะ

สามารถมาตาม GPS ได้เลยค่ะ https://goo.gl/maps/wEgJ7Zt4SMu

 

และทางโครงการกำลังจะมีงานเปิด Pre-sale วันที่ 3 พ.ย. นี้ รับรองว่ามี surprise ดีๆรออยู่ ห้ามพลาดกันนะคะ