ค้าปลีก ทำเลบางนา-ตราดเดือด คอลลิเออร์ส ฯ เผยบิ๊กดีเวลลอปเปอร์ “กลุ่มเดอะมอลล์-แมกโนเลีย-เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์- CPN และกลุ่มสยามพิวรรธน์” ลงสนามแข่งผุดโครงการในรูปแบบ Mixed-use คาดใน 5 ปีทะลักอีกกว่า 1 ล้านตารางเมตร รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 186,600 ล้านบาท

 

“บางนา-ตราด” เป็นทำเลทองที่มีศักยภาพด้านการลงทุนค่อนข้างสูง เห็นได้จาการขยายตัวของเมืองจากกรุงเทพชั้นในสู่รอบนอก และการพัฒนาคมนาคมทั้งถนน ทางด่วน โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2564 นอกจากนี่ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่ย่านบางนาจากภาครัฐเพื่อเพิ่มศักยภาพย่านบาวงนาให้น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นเช่นโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปัจจัยเหล่านี้นอกจากจะเอื้อต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูง และแนวราบแล้ว ยังพบว่าโซนนี้กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิเดือดของยักษ์ใหญ่ที่ทุ่มทุนสร้าง บิ๊กโปรเจ็กต์ในรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส( Mixed-use)แบบมาครบ จัดเต็ม

 

นายภัทรชัย ทวีวงศ์  ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมพื้นที่ค้าปลีกในย่านบางนา-ตราดในปัจจุบันมีทั้งหมดประมาณ  501,367 ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยแบ่งเป็น ศูนย์การค้า ประมาณ 468,228 ตารางเมตร หรือคิดเป็น 93% ของพื้นที่ค้าปลีกย่านบางนา-ตราดทั้งหมด  รองลงมา คือ เสเปเชี่ยลตี้ สโตร์ 22,500 ตารางเมตร คิดเป็น 4.5%  และ คอมมูนิตี้มอลล์ 9,669 ตารางเมตร คิดเป็น  2% และ พื้นที่ค้าปลีกสนับสนุนอีก 1,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นเพียงแค่ 0.5%  จากพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมดในย่านบางนา-ตราด มีอัตราเช่าพื้นที่แล้วกว่า 98% ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจค้าปลีก

อุปทานพื้นที่ค้าปลีกย่านบางนา ณ ช่วงครึ่งแรก ปีพ.ศ. 2561

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

อีก 5 ปีจ่อทะลักกว่า1ล้านตร.ม.รวมมูลค่าลงทุนกว่า1.86 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ค้าปลีกอีกกว่า 6 โครงการ ด้วยพื้นที่อีกกว่า 1 ล้านตารางเมตร รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 186,600 ล้านบาท (ลบ.)  ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในอีก 5 ปีข้างหน้า อาทิ

  • โครงการ แบงค็อก มอลล์ มูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท
  • โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ มูลค่าโครงการกว่า 90,000 ล้านบาท
  • โครงการ Dadfa Market Park มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
  • โครงการ Mega City Bangna มูลค่าโครงการกว่า 67,000 ล้านบาท
  • โครงการ Central Village เอาท์เล็ตใกล้สุวรรณภูมิ มูลค่า 5,000 ล้านบาท
  • โครงการร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์กับ SIMON GROUP มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท

โครงการ แบงค็อก มอลล์ :กลุ่มเดอะมอลล์ ที่ได้ประกาศว่าจะพัฒนาโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในชื่อว่า “แบงค็อก มอลล์” บนที่ดินขนาด 100 ไร่ บริเวณสี่แยกบางนามูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท  โดยศูนย์การค้าแห่งนี้จะเป็นโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่รวมประมาณ 650,000 ตารางเมตร

โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS)  เป็นโครงการ Mixed-use บนพื้นที่กว่า 300 ไร่  พัฒนาโดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)   โดยมีมูลค่าโครงการสูงกว่า 90,000 ล้านบาท  นำเสนอโมเดลการใช้ชีวิตเข้ากับระบบนิเวศที่สมดุลเพื่อความสุขที่ยั่งยืนในคอนเซ็ปต์  “Imagine Happiness“  ประกอบด้วยพื้นที่รีเทล , อาคารที่อยู่อาศัยและสำนักงาน, ศูนย์สุขภาพ, อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต, ผืนป่าสันทนาการ, พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน, ศูนย์เรียนรู้  และนับเป็นครั้งแรกของการสร้างระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์ขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย เพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2561 และแล้วเสร็จภายในปี 2565

โครงการดาดฟ้า (Dadfa) Market Park ในคอนเซ็ปของ Eat Meet Park เป็นคอมมูนิตี้มอลล์บนถนนสุขุมวิท105  (ลาซาล) ซึ่งโครงการจะเน้นความเป็นสวนสาธารณะให้กับชุมชน  เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างบางนา ศรีนครินทร์ และสุขุมวิท พื้นที่โครงการขนาด 5 ไร่ มีพื้นที่จอดรถประมาณ 100 คัน  ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนาเพียง 300 เมตร  มีหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมที่มีกำลังซื้อสูงอยู่อย่างหนาแน่นสามารถเดินทางโดยรถยนต์ หรือ BTS สถานีแบริ่ง ทางออกที่ 1 เข้าถนนลาซาลประมาณ 2 กม.โครงการมีพื้นที่ประมาณ 1,600 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท

โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ mixed-use บนพื้นที่ 400 ไร่ ด้วยงบลงทุนทั้งหมดกว่า 67,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรองรับผู้คนได้วันละ 250,000 คน บริหารโดยบริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด และบริษัท เอส.พี.เอส. โกลเบิลเทรด จำกัด พื้นที่ในอาคารทั้งหมด 400,000 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าทั้งหมด 180,000 ตารางเมตร

 

นอกจากนี่ยังมีแผนพัฒนาให้เป็นโครงการ “เมกาซิตี้” เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย และสวนพักผ่อน ที่สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากกว่า 250,000 คนต่อวัน จะใช้เวลาภายใน 14 ปี (นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป) โดยเมื่อปีที่แล้วเริ่มดำเนินการเฟสแรก ด้วยการสร้างส่วนต่อขยาย “Mega Food Walk” พร้อมด้วยซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ และ “อาคารจอดรถ 7 ชั้น” ทำให้ปัจจุบันทั้งโครงการมีพื้นที่จอดรถรองรับได้ 10,000 คัน ขณะที่ปีนี้เข้าสู่เฟส 2 เปิดสองโครงการใหญ่ของพันธมิตรธุรกิจ ได้แก่

 

“The Marvel Experience” แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การบริหารของ บริษัท ฮีโร่ เวนเจอร์ จากสหรัฐอเมริกา และ บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ของไทย ร่วมกันนำ The Marvel Experience จากสหรัฐอเมริกา เข้ามาเปิดในไทย เพื่อผลักดันให้เป็นแหล่งบันเทิงแบบ Interactive ซึ่งถือเป็นผู้เช่าพื้นที่รายใหญ่ของเมกาซิตี้ ที่จะเป็นอีกหนึ่งในแม่เหล็กสำคัญในการดึงลูกค้า ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ เข้ามาใช้ชีวิตที่นี่ โดยจะเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ ในเครือเดียวกับโรงเรียน The American School of Bangkok ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเมกาซิตี้ สร้างเสร็จเดือนพฤษภาคม พร้อมเปิดเรียนปีการศึกษาแรกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

สำหรับแผนการพัฒนา “เมกาซิตี้” ถัดจากปี 2561 เป็นต้นไป จะเข้าสู่เฟสต่อไป เพื่อทยอยสร้างโครงการคอนโดมิเนียม โรงแรม และอาคารสำนักงาน

นอกจากนี่ยังอีก 2 โครงการใหญ่จาก CPN ซึ่งเตรียมพัฒนาโครงการ  Central Village เอาท์เล็ตใกล้สุวรรณภูมิ มูลค่า 5,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 100 ไร่ เปิดให้บริการไตรมาส 3 ปี 2562 ได้ทำเลทองย่านสนามบินสุวรรณภูมิด้วยพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ขณะที่กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ที่ร่วมทุนกับ SIMON GROUP บนที่ดิน 150 ไร่ พื้นที่เช่า 50,000 ตารางเมตร เตรียมจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2562  มูลค่าการลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท