กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาการขายตลาด ขยายไลน์ธุรกิจร่วมทุนพันธมิตร รุกอสังหาฯ ครั้งแรกปักหมุดอาคารพาณิชย์ ที่จ. สุพรรณบุรี ทาวน์โฮมย่านรามอินทรา และคอนโดฯ โลว์ไรส์ใน ซ. นวลจันทร์ รับรถไฟฟ้าสายสีชมพู  เสริมการบริการครบวงจร ทั้งผู้ผลิตสินค้า ขาย และที่ปรึกษา ประกาศปี 63 รุกเปิดอีก 6 โครงการต่อเนื่อง ตั้งเป้าโตปีละไม่ต่ำกว่า 10%

 

 

นายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาการขายและการตลาด บริหารเกี่ยวกับเรื่องของการขาย เช่า ขายฝาก และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การที่เข้ามาทำธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นการสร้างโอกาสให้คนได้มีที่อยู่อาศัย เป็นปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต และเป็นธุรกิจที่ตนมีความเชี่ยวชาญ และถนัดอย่างมาก เนื่องจากในอดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) สายธุรกิจรายย่อยสินเชื่อไม่มีหลักประกันมา 4-5 ปี  มีการแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการซื้อที่อยู่อาศัย ดังนั้นจึงได้มีโอกาสในการช่วยให้ลูกค้าเข้าใจในการลงทุน หลังจากนั้นในช่วงปี 2557 ได้ตัดสินใจออกมาทำธุรกิจเอเยนต์ ซึ่งมีความเข้าใจในธุรกิจนี้เป็นอย่างดี มากกว่าจะไปทำธุรกิจยา หรือ อาหารซึ่งทำไม่ได้

 

“จุดแข็งของเรา คือ การสร้างความต่าง เราต้องสร้างเป้าหมาย เดิมเราอยากรายได้เยอะ แต่ตอนนี้ ได้ปรับรูปแบบมาสู่การมุ่งการขาย ควบคู่ไปกับการบริการในด้านสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งผมเคยเป็น sale สินเชื่อมาก่อน โดยช่องทางการทำตลาดจะมีทั้ง การออกบูธ ทางด้านออนไลน์ และการบอกต่อของลูกค้า ทั้งนี้ ด้วยผลงานของบริษัท ที กรุ๊ป ทำให้ในระยะที่ผ่านมา โครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดฯ ได้มาร่วมในการขายโครงการคอนโดมิเนียม โดยแนวทางในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งการขายยกล็อตให้แก่นักลงทุน โดยเราจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตลาดซิตี้คอนโดฯ ระดับราคา 3 ล้านบาทลงมา พอร์ตหลักจะอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง กำลังซื้อกลับมาดีขึ้นมาก” นายธาตรี กล่าว

 

ปัจจุบัน ที กรุ๊ปฯ มีสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบประมาณ 10 โครงการ จำนวน 400-500 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งสภาพตลาดอสังหาฯ ไม่ได้ชะลอตัว มีโครงการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจเอเยนต์ โดยในแต่ละเดือน บริษัทฯ สามารถทำยอดโอนได้ 30-40 ยูนิต หรือประมาณ  360-480 ยูนิต ต่อปีซึ่งเป็นตัวเลขที่ผู้ประกอบการพอใจกับผลงานของบริษัท และคาดว่าตลอดทั้งปี โครงการที่จะเข้าไปดูแลน่าจะมากกว่า 10 โครงการ  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในเบื้องต้นอีก 3 โครงการ

 

อย่างไรก็ตาม ในแผนปี 2562 บริษัทจะเพิ่มกลยุทธ์ มาให้น้ำหนักสร้างพอร์ตผู้ซื้อรายย่อยมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าของบริษัทเป็นคนไทย เป็นกลุ่มพนักงานเงินเดือน ซึ่งมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ก็ต้องการที่อยู่อาศัย โดยจะเลือกให้ลูกค้าเหมาะสมกับทำเล (โลเกชั่น) เจาะกลุ่มผู้ซื้อ (เรียลดีมานด์) มากกว่าเรื่องของการส่งเสริมดีมานด์เทียม เพื่อป้องกันการโอนไม่ได้ และสร้างผลเสียให้กับผู้ประกอบการ กระทบเป็นวงกว้าง

 

ล่าสุด  ตนได้ร่วมกับหุ้นส่วนในการขยายไลน์ธุรกิจไปสู่การเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท เนื่องจากมองเห็นโอกาส และต้องการเสริมบริการให้ครบวงจร ทั้งเรื่องการเป็นผู้ผลิตสินค้า การขาย และที่ปรึกษาให้กับลูกค้า ซึ่งในแผนจะเริ่มขยายตลาดในปี 2562 เป็นการลงทุนไม่สูง ได้แก่ โครงการอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น ที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ขนาด 20 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 180 ตารางเมตร จำนวน 10 อาคาร  ราคาขาย 2.5-3.5 ล้านบาท และทาวน์โฮม จำนวน 5 ยูนิต ราคาขาย 1.99-2.19 ล้านบาท รวมมูลค่าขายทั้งหมด 40 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ยังมีโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ในซอยรามอินทรา 117 ขนาดพื้นที่ 293 ตารางวา ราคา 2.49-2.69 ล้านบาท จำนวน 9 ยูนิต มูลค่าขาย 23 ล้านบาท และโครงการในซอยนวลจันทร์ รูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูงเพียง 5 ชั้น ขนาดพื้นที่ 24.5-32 ตารางเมตร จำนวน 40 ยูนิต  มูลค่าขาย 70 ล้านบาท ซึ่งที่ดินจะอยู่ในชุมชน โดยทั้งสองโครงการอยู่ในใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

“โครงการส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในครึ่งปีแรก ส่วนในครึ่งหลังปีหน้า จะยังคงเปิดต่อเนื่อง จะอยู่ในซอยหทัยราษฎร์ รูปแบบทาวน์โฮม 2 ชั้น เนื้อที่ 22 ตารางวา  จำนวน 5 หลัง ราคา 2.5 ล้านบาท รวมแล้ว โครงการที่จะเกิดขึ้นในปีหน้ามีมูลค่าขายเกือบ 150 ล้านบาท  ส่วนในปี 2563 วางเป้าเปิด 6 โครงการ รูปแบบจะไม่กำหนดทำเล โครงการไม่ใหญ่ เพราะจะทำให้เราลงทุนก้อนเล็กๆ ได้ เข้าไปในทำเลที่เป็นสุญญากาศ เข้าไปในเมืองหัวเมือง การเน้นโฟกัสกรุ๊ปเป็นสำคัญ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ที กรุ๊ป แอซเซ็ท เปรียบไปก็เหมือนเด็กอสังหาฯ ที่มีความปราดเปรียว เป็นนักเดินทางและค้นพบสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นนักวิเคราะห์พันธุ์อสังหาฯ วางเป้าการเติบโตแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 10 % ” นายธาตรี กล่าวในที่สุด