บีทีเอส-แสนสิริ เผยผลความสำเร็จผนึกกำลังพัฒนาคอนโดฯรวม 12 โครงการ มูลค่า 43,000 ล้านบาท ล่าสุดปีนี้เตรียมโกยกำไรจากโครงการร่วมทุนอีก 4 โครงการ ดันกำไรแตะ 700 ล้านบาทขณะที่ SIRI ยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนเพิ่มเติมอีก 6,000 ล้านบาท ไตรมาสสุดท้าย ทั้งเตรียมจ่อคิวเปิดตัว “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” มูลค่าโครงการ 4,900 ล้านบาท ปลายเดือน พ.ย. 61 นี้
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการทั่วไป บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ประกาศความร่วมมือในแผนระยะยาวในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน ภายใต้บริษัทร่วมทุน บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ปซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างกลุ่ม BTS และ SIRI ที่ 50:50 ล่าสุดด้วยความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนของกลุ่มบริษัทบีทีเอส ที่เตรียมพร้อมไว้เพื่อรองรับการลงทุนในการขยายธุรกิจรถไฟฟ้า และความพร้อมด้านบุคลากร รวมถึงการมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาในมือของกลุ่มบริษัทผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ ส่งผลให้ทั้งสองบริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันไปแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 43,000 ล้านบาท ซึ่งหลายโครงการประสบความสำเร็จปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์
โดยล่าสุดในปี 2561 นี้ บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป มีแผนการโอนคอนโดมิเนียมอีก 4 โครงการ มูลค่าการโอนรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท ประกอบด้วย เดอะไลน์ ราชเทวี มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ที่เริ่มรับรู้กำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/2561, โครงการเดอะไลน์ วงศ์สว่าง คอนโดมิเนียมพร้อมโอนสร้างเสร็จก่อนขายมูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท ที่เริ่มรับรู้กำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนอีก 2 โครงการใหญ่ ที่จะเริ่มโอนและรับรู้กำไรทันทีในปลายเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ โครงการ เดอะไลน์ อโศก–รัชดา มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท และโครงการเดอะเบส การ์เด้น – พระราม 9 มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท รวมถึงแสนสิริยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสในปีนี้เพิ่มเติมอีก 6,000 ล้านบาทอีกด้วย
“บริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากการโอน 2 โครงการใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย คือ เดอะ ไลน์ อโศก–รัชดา และ เดอะ เบส การ์เด้น-พระราม 9 จากความโดดเด่นของทั้ง 2 โครงการ รวมถึงศักยภาพของโครงการ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเล อโศก-พระราม 9 ซึ่งเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง รองรับการเติบโต และขยายตัวของเมืองชั้นใน นับเป็นทำเลศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) ที่รวมการคมนาคมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจจากการรายล้อมด้วยโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของการลงทุน ทั้งจากการปล่อยเช่าและการถือครองระยะยาว จากความต้องการใหม่ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ย้ายมาอยู่อาศัยตามแหล่งงาน โดยเฉพาะชาวจีนและชาวญี่ปุ่นที่เริ่มเห็นเพิ่มขึ้น” นางสาววรางคณา กล่าว
นางสาววรางคณา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2561 นี้ บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งฯ ยังเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ร่วมกันอีก 1 โครงการ คือ โครงการ “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” มูลค่าโครงการ 4,900 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เตรียมเปิดให้บริการในปี 2563 โดยจุดเด่นของโครงการคืออยู่ติดรถไฟฟ้า 2 สาย เพียง 300 เมตรจากสถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งจะเปิดการขายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ได้ในขณะนี้
