กลุ่มไดวะ เฮาส์ กรุ๊ป เผยหลังขยายฐานลงทุนต่างประเทศใช้เม็ดเงินไปแล้ว 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนไทยยังเป็นสัดส่วน10% โดยเฉพาะตลาดอสังหาฯเน้นผนึกกลุ่มสิงห์ เอสเตทฯเนอวานา ไดอิฯ ประกาศภายใน 5-10 ปีเตรียมแผนลงทุนธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดีอีกประมาณ 50-100 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

 

นายโนบุยะ อิชิกิ Senior Executive Officer of Overseas Divisionบริษัท ไดวะ เฮาส์ อินดัสตรี จำกัด ในเครือ บริษัท ไดวะ เฮาส์ กรุ๊ป (Daiwa House Group) มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับบ้านสำเร็จรูป (Prefabrication) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โอซาก้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ลงทุนในต่างประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ  แบ่งเป็นการนำเม็ดเงินร่วมลงทุนกับพันธมิตรจำนวน 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจำนวนเงิน350 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นการลงทุนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นการลงทุนในประเทศไทยเป็นสัดส่วน 10%  ส่วนอีก 600 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นการเทกโอเวอร์กิจการ

 

โดยประเทศแรกที่บริษัทฯเข้าไปลงทุนหลังขยายฐานจากญี่ปุ่นมาคือ จีน เมื่อปี2554   หลังจากนั้นจึงได้ขยายฐานการลงทุนไปยังประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2555 โดยเริ่มจากประเทศมาเลเซีย เป็นลำดับแรก หลังจากนั้นก็เข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม  สำหรับประเทศไทยถือเป็นลำดับที่ 4 ที่กลุ่มไดวะ เฮาส์ฯเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการร่วมทุนกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ WHAเพื่อดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เมื่อปี2559 และในปี 2561 ได้เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD  บริษัทในเครือ บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยครั้งแรกในปี 2561 ใน 2โครงการ คือ โครงการ EYSE Sukhumvit 43 ( อีส สุขุมวิท 43)และโครงการ “เนอวานา บียอนด์ กรุงเทพกรีฑา”

 

และในปี 2562 บริษัทฯยังมีแผนที่จะร่วมทุนกับบริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)และบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) อย่างต่อเนื่องอีก 2โครงการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และภายในระยะเวลา 5-10 ปีนี้ยังมีแผนที่จะลงทุนในประเทศไทยอีกประมาณ 50-100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้องเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดี

 

อนึ่ง บริษัท ไดวะ เฮาส์ กรุ๊ป ได้ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1955 (พ.ศ.2498) ที่จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าบริษัทฯ จะเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริษัทที่อยู่อาศัย แต่ลูกค้ารายแรกของบริษัทกลับเป็นการสร้างอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม (Social Infrastructure industries) เช่น Japanese National Railway, Nippon Telegraphและ Telegraph and Telephone Public Corporation โดยจะเห็นว่าบริษัทจะมีลูกค้าในรูปแบบ B2B มากกว่า และบริษัทฯยังเป็นที่ยอมรับในฐานะบริษัท ผู้ผลิตที่อยู่อาศัยโดยการสร้างที่อยู่อาศัยสำเร็จรูปและสร้างเมืองใหม่ในช่วงระยะเวลาการเติบโตอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น  และในปี ค.ศ. 1961 (พ.ศ.2504)บริษัท ไดวะ เฮาส์ ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โอซาก้าและได้มีการลงทุนและเริ่มทำธุรกิจต่างๆ เพิ่ม อาทิเช่น ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง, ธุรกิจคอนโดมิเนียม, ธุรกิจรีสอร์ทและโรงแรม, ธุรกิจสำหรับที่ปรึกษาการสร้างบ้าน, ธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย, ธุรกิจอพาร์ทเม้น และธุรกิจการให้บริการทางการแพทย์และพยาบาลอีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจและการลงทุนไปในประเทศต่างๆอีก 20 ประเทศทั่วโลกครอบคลุมประเทศในอเมริกาและเอเชีย โดยในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ.2560) บริษัทได้มียอดขายรวมสุทธิอยู่ที่ 3.79พันล้านเหรียญสหรัฐ