ชีวาทัยฯเผยผลประกอบการ 6 เดือนแรก2561 รายได้รวมเพิ่มขึ้นที่ 1,456.38 ล้านบาทหรือร้อยละ 239.65 ระบุรับรู้รายได้แล้ว 7 โครงการเทียบปี60รับรู้เพียง 5 โครงการ ด้านกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น  มั่นใจครึ่งปีหลังรับรู้รายได้จาก ชีวาโฮม วงแหวน-ลำลูกกา และฮาร์ท สุขุมวิท62/1 ปัจจุบันมีBacklog รวม 800 ล้านบาท

 

 

นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด(มหาชน)หรือ CHEWA  เปิดเผยว่า บริษัทฯได้แจ้งผลประกอบการสำหรับงวด 3 เดือนและ 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในไตรมาส2/2561 บริษัท มีรายได้รวมจำนวน 885.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 564.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 176.03 โดยมาจากรายได้การขายอสังหาฯจำนวน 874.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 560.46 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 178.72 เนื่องจากในไตรมาส 2/2561 มีโครงการแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ 1 โครงการ คือ โครงการชีวาทัย  เพชรเกษม27  โดยสามารถรับรู้รายได้เป็นจำนวน 482 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55 ของรายได้จากการขายอสังหาฯ และยังคงทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องอีก 4 โครงการ

 

สำหรับรอบระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 1,456.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,027.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 239.65 โดยมาจากรายได้จากการขายอสังหาฯจำนวน 1,436.44 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากคอนโดฯ จำวน 1,271.19 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 165.25 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน  1,021.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 246.07 เป็นผลบวกมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการใหม่ ที่แล้วเสร็จในปี 2561 และโครงการที่แล้วเสร็จปลายปี 2561 ซึ่งในปัจจุบันมีโครงการที่รับรู้รายได้ทั้งหมด 7 โครงการ เมื่อเทียบกับปีก่อน มีเพียง 5โครงการ

 

สำหรับต้นทุนขายนั้นในไตรมาส2/2561 มีจำนวน 624,.02 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 28.61 ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 30.36 อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาระดับกำไรขั้นต้น ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการแข่งขันด้านราคากันค่อนข้างสูง ต้นทุนขายอสังหาฯ มีจำนวน 1,013.81 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นของครึ่งปีแรกของปี 2561 และ 2560 มีอัตราใกล้เคียงกันอยู่ที่ร้อยละ 29.42 และ 29.71 ตามลำตับ

 

ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส2/2561 มีจำนวน 126.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 52.13 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการขายจำนวน 28.37 ล้านบาท มีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด  ค่าคอมมิชชั่น ที่เพิ่มขึ้นตามยอดรายได้จากการขายอสังหาฯ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น จำนวน 23.76 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคคลากรที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของบริษัท โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารในไตรมาส 2/2561 เท่ากับร้อยละ 14 ของรายได้รวม เทียบกับปีก่อน เท่ากับร้อยละ 23 ของรายได้รวม

 

สำหรับรอบระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2561 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม จำนวน 223.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 93.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 71 โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารในครึ่งปีแรกเท่ากับร้อยละ 15 ของรายได้รวม เทียบกับปีก่อนเท่ากับร้อยละ 30 ของรายได้รวม

 

ทั้งนี้จากสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อรายได้รวม มีอัตราลดลงจากปีก่อน เป็นผลมาจากสัดส่วนของรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น และประกอบกับบริษัทฯสามารถควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการตลาดและบริหารไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น

 

ด้านกำไรสุทธิในไตรมาส2/2561 บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 93.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 70.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 314.29 เป็นผลบวกมาจากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการที่แล้วเสร็จในไตรมาสนี้ คือ โครงการชีวาทัย เพชรเกษม27 และประกอบกับบริษัทฯสามารถบริหารค่าใช้จ่ายขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงส่งผลทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.51 เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 7

 

สำหรับรอบระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 150.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 159.44 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.32 ของรายได้รวม

ทั้งนี้สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 จำนวน 3,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 290 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนชั่วคราว จำนวน 431 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเงินที่บริษัทได้มาจากการเพิ่มทุน ด้านหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีจำนวน 2,145 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน จำนวน 392 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 15 โดยมีสาเหตุมาจากบริษัทฯได้มีการจ่ายชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินและจ่ายคืนเงินกู้ยืมกิจการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2561 บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้จำนวน 498.5 ล้านบาท

 

ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีจำนวน 1,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 681 ล้านบาท ในระหว่างไตรมาส 2/2561 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 บริษัทจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.008547 บาท และจ่ายเป็นหุ้นปันผลจำนวน 13 ต่อ 1 หุ้น เป็นจำนวน 57,691,379 หุ้น และในวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 467,335,804 หุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.15 บาท คิดเป็นมูลค่า 537 ล้านบาท ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวทำให้บริษัทฯมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 เท่ากับ 1.20 ต่อ 1 เท่า

 

 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการชีวาโฮม วงแหวน-ลำลูกกา มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท และโครงการฮาร์ท สุขุมวิท 62/1 เป็นโครงการร่วมทุนภายใต้ บริษัท ชีวาท ฮาร์ท จำกัด มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท และปัจจุบันมียอด Backlog จำนวน 800 ล้านบาท