นายกสมาคมการขายฯเผยภาพรวมอสังหาฯไทยยังไม่ฟื้นตัวจริง ดีมานด์ต้องการที่อยู่อาศัยมากแต่แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ยอดRejectสูงเกือบ50% ด้านผู้ประกอบการเปิดโครงการใหม่ในอัตราลดลง รายใหญ่หันรุกแนวราบมากขึ้น เร่งปรับตัวช่วยเหลือสมาชิก เซ็นMOU พันธมิตรต่างประเทศหวังแลกเปลี่ยนลูกค้าซื้ออสังหาฯไทย วอนรัฐเร่งออกกฎหมายกันโบรกเกอร์เถื่อนชิงลูกค้า รับสูญรายได้ปีละมหาศาล

 

 

นางอรุณี เทียมหงส์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือ  RAESM  เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี2561ว่า ผู้ประกอบการยังค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจริง ดีมานด์มีความต้องการที่อยู่อาศัยอีกมาก แต่ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาการไม่ผ่านการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ(Reject)จากสถาบันการเงิน ที่ปัจจุบันแบงก์มีความเข้มงวดที่มากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยง เพราะปัจจุบันยอดReject มีมากสูงเกือบ 50% แม้ว่าผู้ประกอบการจะมีการคัดกรองมาระดับหนึ่งแล้ว แต่เมื่อผ่านกระบวนการพิจารณาของสถาบันการเงิน กลับไม่ผ่านเกณฑ์

 

สำหรับอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการนั้นมีการเปิดตัวในอัตราส่วนที่ลดลง ผู้ประกอบการายใหญ่หันมาพัฒนาโครงการแนวราบกันมากขึ้น เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดและสร้างยอดขายให้กับบริษัท ในส่วนของสมาคมการขายฯเองนั้นได้พยายามช่วยเหลือสมาชิกด้วยการพยายามรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ในรูปแบบของการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ซึ่งที่ผ่านมาได้เซ็นMOU ไปกับประเทศเวียดนาม,เกาหลี,มาเลเซีย,เมียนมาร์ และสหรัฐอเมริกา โดยบันทึกดังกล่าวทางสมาคมฯและประเทศคู่สัญญาจะสามารถแลกเปลี่ยนลูกค้าซึ่งกันและกันได้  รวมไปถึงการดูงานในประเทศนั้นๆเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล

 

แต่ที่ผ่านมาลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยไทยมากที่สุดคือจีน ที่ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสินค้าผ่านโบรกเกอร์จากประเทศสิงคโปร์ โดยส่วนมากจะซื้อคอนโดฯเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุน ขณะเดียวกันยังพบว่าดีมานด์จากประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา มีความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับคนไทย แต่กระบวนการครอบครองนั้นดำเนินการค่อนข้างยุ่งยาก

 

“ชาวต่างชาติต่างมองว่าอสังหาฯในประเทศไทยราคายังไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ฯลฯ อีกทั้งคนไทยยังเป็นมิตรที่ดีกับชาวต่างชาติ โดยต่างชาติที่อยู่ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยนั้น จะมีที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า หากราคาห้องชุดที่ซื้อไว้มีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3-4 ปี ก็อาจจะมีการปล่อยขายเพื่อหวังผลกำไร และนำเงินมาซื้อห้องชุดโครงการใหม่ๆต่อไป”นางอรุณี กล่าว

 

นางอรุณี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโบรกเกอร์ไทยจะประสบปัญหาสูญรายได้ปีละมหาศาล จากการที่โบรกเกอร์เถื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ นำสินค้าขายให้กับลูกค้าที่เป็นคนชาติเดียวกัน  โดยที่ไม่มีLicense  โดยเฉพาะย่านพัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ ที่ขายให้ลูกค้าชาวจีนมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาจะเป็นรัสเซีย ซึ่งอยากให้รัฐบาลไทยออกกฎหมายรับรอง ขณะเดียวกัน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ TPQI ก็อยู่ในระหว่างการดำเนินการให้มีการสอบคุณวุฒิวิชาชีพนายหน้าอสังหาฯ เพื่อที่จะได้มี License อย่างถูกต้อง เป็นที่ยอมรับจากต่างชาติ