พลัสฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯระดับกลาง-บนยังเติบโตต่อเนื่อง ผู้ประกอบการมีความต้องการ Sole Agent มืออาชีพ ตั้งเป้า 3 ปีรุกขยายตลาดบี-บีบวกมากขึ้นจาก 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก มั่นใจสิ้นปี61 กวาดลูกค้า 16 ราย รวมมูลค่า 20,000 ล้านบาทตามแผน ทั้งยกระดับ มาตรฐานเป็น Sole Agent 360˚นำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics ประยุกต์ใช้การทำงาน พัฒนาศักยภาพสร้างความแกร่ง 

 

 

นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากภาพรวมทางเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2560 ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ Sole Agent ในปี2561นี้มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2561 พบว่าไม่เพียงแต่ตลาดระดับบนเท่านั้นที่มีกำลังซื้อที่ดีแต่ตลาดระดับกลางก็เริ่มมีการขยายตัว ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นทิศทางการเดินทางในอนาคตอันใกล้ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันอย่างครอบคลุม อีกทั้งภาครัฐยังมีการลงทุนด้านคมนาคมเชื่อมโยงหัวเมืองต่างๆ ทำให้ตัวเมืองขยายออกไป ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

 

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการอสังหาฯก็ยังมีความต้องการ Sole Agent ที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งในส่วนของพลัสฯเอง เข้ามีไปส่วนร่วมในการวางกลยุทธ์ขยายตลาดไปสู่โครงการระดับบนมากขึ้นนั้น ถือเป็นการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องไปตามอุปทานของตลาด เนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นตลาดระดับบนที่เติบโตต่อเนื่องและได้ขยายตัวมาถึงปัจจุบัน และที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทฯมีการใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในระดับซีและซีบวก ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท และภายในระยะ 3 ปีนี้จะขยายตลาดไปยังลูกค้าระดับบี ราคา 1.3-1.6 แสนบาท/ตร.ม.ราคา หรือราคายูนิตละ 5-8 ล้านบาท,บีบวก ระดับราคา 1.6-2 แสนบาท/ตร.ม. ราคายูนิตละ 8 ล้านบาทขึ้นไป  ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก 1.ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่ส่วนใหญ่เป็นทายาทผู้ประกอบการอสังหาฯรุ่นเก่า คิดเป็นสัดส่วน 40% 2.กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30%

 

ซึ่งในปี2561 นี้บริษัทตั้งเป้าลูกค้าทั้งสิ้นรวม 16 ราย ซึ่งเน้นโครงการในกทม.คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2561 มีลูกค้าแล้วรวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท โดยเป็นลูกค้าเก่าสัดส่วน 30% และลูกค้าใหม่สัดส่วน 70% คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถรับบริหารงานโครงการได้อีก 3 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้ จากทั้งปี 2560 ที่มีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 25%

“ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นภาพตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา และผู้ประกอบการรุ่นใหม่มักจะให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงนำกลับมาวางแผนก่อนที่จะพัฒนาโครงการ เพื่อให้สินค้าออกมาตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ต่างจากผู้ประกอบการในอดีตที่จะพัฒนาตามความต้องการของตนเองเป็นหลัก ซึ่งหากภาพรวมตลาดอสังหาฯยังเป็นเช่นนี้ จะทำให้มีอัตราการเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง”นางสาวสมสกุล กล่าว

 

นางสาวสมสกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯได้พยายามยกระดับการวางแผนการขายให้ทันต่อยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้ภาคอสังหาฯทุกรายพร้อมที่จะยกระดับ มีการแข่งขันในความเป็นมืออาชีพของตนเองมากขึ้น  ด้วยการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ สร้างสินค้าแล้วเสร็จตามที่สัญญากับลูกค้า  ซึ่งพลัสฯได้พัฒนาการทำงานของ Sole Agent ด้วยการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็น Sole Agent 360˚ พัฒนาศักยภาพของพนักงานขายจากเดิมที่มีความเชี่ยวชาญในระดับท็อปให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะนำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำมาแสดงผลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายและชัดเจนขึ้น โดยจัดฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างการเข้าใจตลาดในเชิงลึกมากขึ้น เดินหน้าขยายการให้บริการSole Agent ให้ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นก่อนการพัฒนาโครงการ ขั้นบริหารงานขาย และมีแผนจะขยายการให้บริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ใช้วิธีการขายที่หลากหลายและครอบคลุม เช่นการทำ Co-Agent เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างโอกาสในการปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

 

“ปัจจุบัน Sole Agent มีการแข่งขันกันมาก แต่หากเป็นมืออาชีพจริงจะต้องเข้าไปร่วมวางแผนกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นที่จะพัฒนาโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ราย ที่เหลือจะเป็นเอเย่นต์ที่รับสินค้าไปขายต่อเท่านั้น ซึ่งพลัสฯได้ใช้จุดแข็งด้าน Big Data นำเอาฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่จำนวนมากมาช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจและงานขายให้เหมาะสมกับกุล่มลูกค้า จนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จในหลายโครงการ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช, โครงการคอนโดมิเนียมโมนีค สุขุมวิท 64 บริษัท ซันเคียวโฮม และเคฮัง เรียลเอสเตท กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น, โครงการซีเอกมัย และล่าสุดโครงการคอนเนอร์ ราชเทวี ของเดอะครีเอเตอร์ส เอชคิว  และในปีนี้กลุ่มลูกค้าเดิมก็มีการวางแผนเปิดโครงการใหม่ก็ยังคงใช้บริการพลัสฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ซันเคียวโฮมและเคฮัง เรียลเอสเตท ที่ล่าสุดได้เปิดโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย และยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มในย่านสุขุมวิท ภายใต้การบริหารงานขายโดยพลัสฯ เช่นกัน”นางสาวสมสกุล กล่าวในที่สุด