ฮันคิวฯเผยหลังควบรวมธุรกิจอสังหาฯ เดินหน้ารุกขยายตลาดโตเกียว-ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ระบุลงทุนประเทศไทยมากสุดสัดส่วน 50% ยันร่วมทุนกลุ่มเสนาฯต่อเนื่อง เตรียมเม็ดเงินอัดปีละ 10,000 ล้านเยน ด้านบิ๊กเสนาฯระบุหลังกลุ่มพันธมิตรปรับโครงสร้างองค์กรส่งผลเจรจาแผนธุรกิจง่ายขึ้น อนาคตสนขยายธุรกิจรร.-รุกEEC ล่าสุดผุดคอนโดฯลักชัวรี่ครั้งแรกภายใต้แบรนด์ “ปีติ เอกมัย”มูลค่า5,000ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ 10,300 ล้านบาท

 

นายยูสุเกะ คุสุ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท ฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป (HHHD – บริษัทแม่) ได้ควบรวมส่วนกิจการที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เข้าไว้ด้วยกันในบริษัท ฮันคิว เรียลตี้ และได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอเรชั่นจำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจหลักด้านอสังหาริมทรัพย์ และถือเป็นรายใหญ่ที่สุดในแถบคันไซ โดยมี มร.ทสึเนะโอะ วาคาบายาซิ เป็นประธานบริษัท 

 

และเพื่อเป็นการขยายฐานธุรกิจ ดังนั้นตั้งแต่ปี2558 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้เริ่มขยายแผนการลงทุนมายังกรุงโตเกียว และภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ซึ่งประกอบด้วยเวียดนาม,ไทย,สิงคโปร์,ฟิลิปปินส์,มาเลเซีย,อินโดนีเซีย โดยใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้ว 20,000ล้านเยน ส่วนใหญ่จะลงทุนด้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะประเทศไทย มีการลงทุนมาสุดในสัดส่วนถึง50%จากงบลงทุนทั้งหมด 

 

อย่างไรก็ตามในอนาคตยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนเกี่ยวกับอสังหาฯเพื่อการเช่า เช่น อาคารสำนักงาน ธุรกิจเชิงพาณิชย์ และโรงแรม ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล หากทำเลไหนมีศักยภาพก็พร้อมที่จะลงทุนได้ทันที โดยในประเทศไทยคงเน้นการร่วมทุนกับบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SENA เท่านั้น โดยได้เตรียมเม็ดเงินในการร่วมทุนปีละประมาณ 10,000 ล้านเยน เนื่องจากยังมีความมั่นใจในภาพรวมตลาดอสังหาฯไทย100% โดยช่วงระยะเวลา 2 ปีนี้  ได้ร่วมทุนกับเสนาฯแล้วรวม  4 โครงการเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน ราคา 2-3 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นเม็ดเงินในการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านเยน

 

สำหรับการเข้าลงทุนในโครงข่ายการคมนาคมของภาครัฐ ที่ปัจจุบันรัฐบาลไทยมีการขยายการงทุนเป็นจำนวนมากนั้น ที่ผ่านมาได้มีนักลงทุนจากหลายประเทศเข้ามาเจรจาในเรื่องดังกล่าว แต่มองว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษานาน ขณะนี้จึงยังไม่มีความสนใจแต่อย่างใด

 

ด้านผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีหลัง 2561 ว่ามีแนวโน้มดีขึ้น คาดว่าจะโตได้ 3-5% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ดีมานด์ระดับบนยังมีสัญญาณที่ดีและเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าหรือระบบMass Transit ยังมีความต้องการสูงขึ้นทุกปี ดังนั้นทางเสนา ฮันคิวฯจึงพร้อมต่อยอดพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิพร็อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอร์เรชั่น จำกัด หลังจากที่เคยร่วมพัฒนามาแล้ว 1 โครงการ ตั้งแต่ปี2560 ที่ผ่านมา และในปี2561 จะมีการร่วมทุนอีกประมาณ 6 โครงการ รวมมูลค่า 23,000 ล้านบาท โดยมีความชัดเจนแล้ว 4 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการยังไม่มั่นใจว่าจะเปิดตัวในปีนี้ทันหรือไม่

 

ทั้งนี้ภายหลังจากที่กลุ่มฮันคิวฯมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่นั้นตนมองว่าส่งผลให้มีการเจรจาแผนธุรกิจได้ง่ายขึ้น และในอนาคตหากมีโอกาส ตนก็พร้อมที่จะขยายไปดำเนินธุรกิจโรงแรมในทำเลกทม.ด้วยเช่นกัน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล  นอกจากนี้ยังสนใจขยายการลงทุนไปยังพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือEEC ด้วย ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้วที่ศรีราชา ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิวฯเช่นกัน  แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้15-16 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทโดยในครึ่งปีแรกเปิดตัวไปแล้ว 6 โครงการ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทและที่เหลือจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นคอนโดฯร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิวฯ4โครงการ โดยมีที่ดินรองรับแล้ว หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นที่ดินย่านบางนา กม.5 ส่วนที่เหลือยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

 

ล่าสุดได้เปิดตัวคอนโดฯร่วมทุนโครงการที่3 กับกลุ่มฮันคิวฯ ภายใต้แบรนด์ “ปีติ เอกมัย” (PITI EKKAMAI)เป็นโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ บนเนื้อที่ 4.2 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเอกมัย (ช่วงบริเวณซอยเอกมัย 26) เป็นอาคารสูง 37 ชั้น  1 อาคาร รวมทั้งหมด  897 ยูนิตและร้านค้า 3 ยูนิต ราคาเริ่มที่ 4.45 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยตารางเมตรละ 170,000 บาท มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่าน”SENA Online Booking”ตั้งแต่วันนี้-2 สิงหาคม 2561 นี้

 

โดยถือเป็นโครงการแรกที่เสนาฯขยายมาในเซกเมนต์ที่เป็นลักชัวรี่ราคา 160,000-170,000 บาท/ตารางเมตรมากขึ้น จากเดิมที่เน้นตลาดกลาง-บน แต่แนวทางการพัฒนาโครงการแต่ละเซกเมนต์ของบริษัทจะดำเนินการให้มีความชำนาญก่อน จึงค่อยขยายไปสู่เซกเมนต์ใหม่ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลา 1-2 ปี ซึ่งนับจากนี้ไปแนวทางการพัฒนาโครงการของบริษัทจะมีรูปแบบลักชัวรี่ประมาณ 2-3 โครงการต่อปี

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,300 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 6,200 ล้านบาท

 

อนึ่ง ปัจจุบันกลุ่มฮันคิว ฮันชิน ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจหลากหลายและครบวงจร ตั้งแต่การคมนาคมขนส่ง อสังหาริมทรัพย์โรงแรม การท่องเที่ยว เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และโลจิสติกส์ มีรายได้รวม ณ สิ้นมีนาคม 2018 อยู่ที่ 227,000 ล้านบาท โดยมาจากสองธุรกิจหลัก คือ ระบบขนส่งในเมือง 29.2% และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 27.6%