ตลาดคอนโดฯพัทยาส่งสัญญาณบวก กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนยังสนใจต่อเนื่องขณะที่ผู้ซื้อชาวรัสเซียเริ่มกลับมาอีกครั้งหลังชะลอไปกว่า 2 ปี พร้อมเปิดโพยรายชื่อ 9 กลุ่มทุนต่างชาติโหมลงทุนในพัทยาต่อเนื่อง

 

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมเมืองพัทยาว่า  แม้ว่าอัตราการขายเฉลี่ยในตลาดคอนโดฯจะอยู่ที่ประมาณ 80 % แต่ก็ยังมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ในตลาดอีกมากกว่า 10,000 ยูนิต ซึ่งเป็นหน่วยเหลือขายตั้งแต่ปี 2553 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2561 โดยคอนโดฯจำนวน 2,362 ยูนิต เปิดขายใหม่ในพัทยาในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ซึ่งนับว่ามากกว่าหน่วยเปิดขายทั้งปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั่นอาจจะสะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นของตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา

 

ในทุกพื้นที่ของตลาดคอนโดฯพัทยา พื้นที่นาจอมเทียนมีจำนวนคอนโดฯเหลือขายมากที่สุดประมาณ 4,500 ยูนิต ที่ยังเหลือขายอยู่ในตลาด วงศ์อมาตย์ เป็นพื้นที่ที่มีคอนโดมิเนียมเหลือขายน้อยที่สุดโดยมีหน่วยเหลือขายประมาณ 980 ยูนิต เนื่องจากวงศ์อมาตย์เป็นพื้นที่ที่กลุ่มลูกค้าตลาดบน ราคาขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงราคามากกว่า  140,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ตลาดกลุ่มนี่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และทำเลวงศ์อมาตย์ค่อนข้างเงียบ มีความเป็นส่วนตัว ชายหาดสวยและสะอาด จึงยังเป็นทำเลที่กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง  แต่เนื่องจากมีคอนโดฯเหลือขายอยู่เป็นจำนวนมากในตลาดจึงส่งผลให้ราคาขายไม่สามารถปรับตัวได้มากนัก ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายพยายามที่จะคงราคาขายเอาไว้ต่อเนื่องในปี 2561

 

งัดเทคนิคขายการันตีผลตอบแทน  5-10 %

 

โครงการคอนโดฯที่เป็นที่นิยมและสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าในพื้นที่พัทยาในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า เนื่องจากคอนโดฯพัทยาส่วนใหญ่ผู้ซื้อนิยมซื้อเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนซึ่งไม่ได้พักอาศัยเป็นประจำ และเมื่อเวลาที่ไม่ได้พักห้องเหล่านั้นก็จะถูกทิ้งว่าง ในขณะที่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางทุกเดือน การขายคอนโดฯแบบการันตีรายได้จึงเป็นวิธีการของเจ้าของโครงการ ในการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ประจำสามารถนำคอนโดฯมาหารายได้ โดยที่เจ้าของโครงการจะทำหน้าที่เป็นคนจัดหาผู้เช่าและดูแลคอนโดให้ กลยุทธ์นี้ในต่างประเทศนิยมทำกันมาก

 

เมื่อพิจารณารูปแบบการขายคอนโดฯแบบนี้จะเห็นว่า อัตราผลตอบแทนรายได้ก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เช่น 5% 3 ปี 6% 5 ปี หรือ 7% 3 ปี เป็นต้น แต่มีผู้ประกอบการบางรายที่พัทยา เช่น กลุ่ม นิว นอร์ดิก กรุ๊ป  ที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า10% ถึง 10 ปี ส่งผลให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของกลุ่มนักลงทุน และผู้ซื้อชาวต่างชาติ  การการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารมาก 

 

เนื่องจากมีคอนโดฯจำนวนมากยังคงเหลือขายอยู่ในตลาด ส่งผลต่อเนื่องให้ผู้ประกอบการจำนวนมากเลือกจะขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้วก่อนและชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ในปี 2560 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 1 ปีในการขายยูนิตเหลือขายเหล่านี้ “ แม้ผู้ซื้อกลุ่มใหม่ที่เป็นชาวจีนเข้ามาเป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ จะน้อยกว่าผู้ซื้อชาวรัสเซียค่อนข้างมากในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มผู้ซื้อชาวจีนก็ช่วยตลาดคอนโดฯพัทยากลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่ชะลอตัวไปกว่า 2 ปี” แต่ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มของตลาดจะค่อยๆดีขึ้นจากการที่รัฐประชาสัมพันธ์ถึงถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งรวมพื้นที่ใน 3 จังหวัดเข้าด้วยกัน คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งก็รวมถึงพัทยาที่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก อาจส่งผลให้แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาอาจมีทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น จากการลงทุนของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่างๆ จะมีความต้องการแรงงานระดับวิศวกรและกลุ่มแรงงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงมากกว่า 1 แสนคน ในระยะ 5 ปีนับจากนี้ ตามที่คาดการณ์กันไว้

 

เปิดรายชื่อ 9  กลุ่มทุนต่างชาติบุกลงทุนคอนโดฯพัทยา

 

ทั้งนี้ หากมองถึงการพัฒนาโครงการคอนโดฯในพัทยานอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่สนใจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่พัทยาแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติอีกมากมายที่เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดฯในพัทยา และกลุ่มทุนเหล่านี้ยังมีความสนใจลงทุนอสังหาฯในพัทยาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น

 

กลุ่ม นิว นอร์ดิก กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากประเทศนอร์เวย์  ที่เข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดฯในพัทยาตั่งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ที่มีการพัฒนาโครงการคอนโด ฯ และโรงแรมบนพื้นที่เขาพระตำหนักแล้วกว่า 50 โครงการ โดยเน้นเทคนิคการขายที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า 10% ถึง 10 ปี ส่งผลให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของกลุ่มนักลงทุน และผู้ซื้อชาวต่างชาติ  การการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารมาก

 

บริษัท โกลบอลท็อป กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากอิสราเอล ได้เข้ามาลงทุนในพัทยาตั้งแต่ปี 2548 โดย พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้ว 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 7,150 ล้านบาท

 

ไฮทส์ โฮลดิ้งส์   เป็นบริษัทการร่วมทุนอสังหาฯ ของนักธุรกิจชาวอิสราเอล และยุโรป โดยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาแล้วทั้งหมด 17 โครงการ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงการ และขายให้กับลูกค้าต่างชาติ ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด โดยมีทั้งโครงการที่หาดจอมเทียน เขาพระตำหนัก พัทยาใต้  “รูปแบบการลงทุน จะเป็นลักษณะการร่วมทุน ระหว่าง บริษัท ไฮทส์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีฐานะเป็น Holding Company เข้าไปจับมือกับเจ้าของที่ดิน ที่ทำเลดีในพัทยา เพื่อนำมาพัฒนาโครงการในรูปแบบที่ต่างกันไปตามความเหมาะสม และเงื่อนไขกฎหมายแต่ละทำเล โดยเจ้าของที่ดินเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายคนไทย ขณะที่ ไฮทส์ โฮลดิ้งส์ จะเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและพัฒนาโครงการ รวมทั้งการทำตลาดและบริหารการก่อสร้าง

 

บริษัท แมทริกซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ เรียลเอสเตท จำกัด (Matrix Real Estate Development Co., Ltd ) ก็เป็นกลุ่มทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาตั่งแต่ปี 2547 ซึ่งปัจจุบันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาแล้ว 6 โครงการ

 

บริษัท ทิวลิป กรุ๊ป กลุ่มทุนอิสราเอลอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติ ที่เข้ามาลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมในพัทยา ตั้งแต่ปี 2545 โดยปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมที่พัทยาแล้ว 10 โครงการรวมมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 13,320 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขาย 7 โครงการแล้วอีก 3 โครงการหยุดการขายคือโครงการ Waterfront Suite and Residences Centara Grand Jomtien และ Centara gran Pratumnak

 

ยูนิเวอร์แซล กรุ๊ป กลุ่มทุนด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศอินเดีย ปัจจุบันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมพัทยาแล้ว 4 โครงการ มูลค่าลงทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท บนทำเลถนน จอมเทียน และนาจอมเทียน

 

บลูสกายกรุ๊ป  บริษัทกลุ่มทุนไทยอินเดีย ปัจจุบันลงทุนในพัทยา ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งพัฒนาแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบรนด์แอตแลนติส, แกรนด์ แคริบเบียน, เวเนเชียน ,เอสปันญ่า และแกรนด์ ฟลอริด้า

 

บริษัท อามิโก ฮอลิเดย์ จำกัด (Amio Holidays Co., Ltd ) นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดตัวโครงการ The Number One Jomtien Pattaya Tower 1 ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเฟสแรกของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บนทำเลไฮไลท์ของหาดจอมเทียน ด้วยทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมหุ้นระหว่างนักลงทุนจากฮ่องกง มาเก๊า และจีน โดยมองเห็นถึงศักยภาพของเมืองชายทะเล ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เขตเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคตะวันออก ทั้งยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ และสนามบินสุวรรณภูมิ จึงทำให้กระแสตลาดที่อยู่อาศัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

บริษัท ซากุระ แคปปิตอล ( ประเทศไทย ) จำกัด (Sakura Capital Thailand Co., Ltd )กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น ก็พัฒนาโครงการ Sakura Residence Condominium ในพัทยา บนทำเลเขาพระตำหนัก

 

นอกจากกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่จาก กทม.ที่สนใจเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัฒนาแล้ว เช่น บมจ. แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเมนท์, บมจ. แสนสิริ , บมจ. ศุภาลัย  , บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์   บมจ. เอสซี แอสเสท , บจก. เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์  บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ส่วน บมจ. เอ พี ไทยแลนด์ เคยเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาแล้วในปี 2558 แต่ภายหลังยกเลิกการขายและคืนเงินลูกค้า เนื่องจากยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เช่นเดียวกับ Fragrant Property PLC. ที่เคยสนใจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านนาจอมเทียนในปี 2558 แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหยุดการขาย  เป็นต้น