“พฤกษา”เปิดตัวขุนพลบริหารลุยกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์หวังรักษาแชมป์ แบ่งโปรดักส์-จัดกลุ่มแบรนด์เจาะทุกเซ็กเมนต์ ระดับราคาตั้งแต่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทไปจนถึง 7 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 2563 บุกเปิดให้ครบ 20 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่ปีนี้เปิด 44 โครงการมูลค่ารวม 27,853 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปีนี้ตั้งไว้ที่ 22,710 ล้านบาท


วันนี้(28 มิ.ย.2561 )บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)ได้เปิดตัวขุนพลทีมบริหารกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ ที่มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด จากภาพ แถวบน(เริ่มจากซ้ายไปขวามือ)คุณสงกรานต์ แสงอร่ามรุ่งโรจน์ EVP (EVP Executive Vice President)แบรนด์พาทิโอ ,คุณวสันต์ พันพิชิต EVP แบรนด์พฤกษาวิลล์ 2,คุณธนัสสรณ์ พลธนธรณ์ EVP แบรนด์เดอะคอนเนค,คุณยุทธการ คล้ายโอภาส EVP แบรนด์บ้านพฤกษา 3,คุณสมชาย ตัณฑพฤกษ์ผล EVP แบรนด์บ้านพฤกษา 1 ส่วนแถวล่าง(เริ่มจากซ้ายไปขวา)คุณสุรัตนา จีรชีวีกุล MD กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ 2,คุณธีรเดช เกิดสำอางค์ CEO พฤกษา เรียลเอสเตท ทาวน์เฮาส์,คุณธีระ ทองวิไล Acting MD กลุ่มธุกิจทาวน์เฮาส์ 1

 

โดยนายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2561 คาดมีประมาณ 479,487 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11 % จากปี 2560 ที่ตลาดมีมูลค่า 431,970 ล้านบาทในจำนวนดังกล่าวเป็นทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2561 คาดวมีมูลค่าตลาดประมาณ 88,705 ล้านบาท(ลบ.) เติบโตจากปี 2560 ที่ผ่านมาประมาณ 14% โดยปีที่ผ่านมาตลาดมีมูลค่า 77,927 ล้านบาท   ** อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่>> ตลาดทาวน์เฮ้าส์ร้อนระอุ-บิ๊กแบรนด์เปิดศึกชิงตลาดกว่า 8 หมื่นลบ.

 

ในส่วนของพฤกษา คาดว่าทั้งปี 2561 จะมียอดขายจากกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮ้าส์อยู่ที่ 22,710 ล้านบาท โดย 9,710 ล้านบาทเป็นยอดขายในกรุงเพทฯและปริมณฑลซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 22 % จากมูลค่าตลาดรวม ส่วนที่เหลือ 3,000 ล้านบาทเป็นยอดขายในต่างจังหวัด

 

สำหรับบริษัทพฤกษาฯเอง ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องทีมบริหารและการจัดซื้อที่ดินเพื่อรองรับกลยุทธ์ในการรุกตลาดกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ ยังถือเป็นพอร์ตหลักของพฤกษา ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าที่ 19,710 ล้านบาทคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 22 % และเพื่อตอกย้ำความสำเร็จที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดทาวน์เฮาส์เป็นอันดับหนึ่งมามากกว่า 10 ปี และส่งมอบบ้านให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 130,000 ยูนิต

คุณธีรเดช เกิดสำอางค์

แบ่งโปรดักส์-จัดกลุ่มแบรนด์เจาะทุกเซ็กเมนต์

ด้วยเหตุนี้ พฤกษาจึงตั้งเป้ารักษาความเป็นเจ้าตลาด โดยมีการแบ่งกลุ่มโปรดักส์และแบ่งแบรนด์อย่างชัดเจนในทุกระดับราคา กล่าวคือ พฤกษา มีแผนเจาะกลุ่มไปยังทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 5-7 ล้านมากขึ้น โดยยังคงรุกตลาดระดับกลาง ราคา 1.5-2 ล้านบาท และ 2-3 ล้านบาท ซึ่งพฤกษาเป็นผู้นำตลาดในระดับราคานี้อยู่แล้ว และจะพัฒนาตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ผ่านแบรนด์ ดังนี้ แบรนด์ PATIO ระดับราคาอยู่ที่ 5-7 ล้านบาท / แบรนด์ The Connect ระดับราคา 3-5 ล้านบาท / แบรนด์ พฤกษาวิลล์ ระดับราคาอยู่ที่ 2-3 ล้านบาท และแบรนด์บ้านพฤกษา ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท

 

นอกกจากกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว พฤกษา มีแผนที่จะรุกตลาดต่างจังหวัดให้ครบ 20 จังหวัดในปี 2563 รวมทั้งเขตโดยเฉพาะในเขต EEC ที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่สูงเกือบ 60,000 ล้านบาท

 

ปัจจุบันพฤกษา มีโครงการทาวน์เฮ้าส์ที่ Active ในกรุงเทพฯปริมณฑลอยู่ 102 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 83,226 ล้านบาท และมีโครงการทาวน์เฮ้าส์ที่ Active ในต่างจังหวัดอยู่ 15 โครงการมูลค่า 9,925 ล้านบาท ในปี 2561 เปิดตัวโครงการใหม่ 44 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 27,853 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 34 โครงการมูลค่า 21,838 ล้านบาทและในต่างจังหวัด 10 โครงการมูลค่า 6,015 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกของปี 2561 เปิดไปแล้ว 19 โครงการ ส่วนที่เหลือ 25 โครงการจะเปิดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

โดยมี โครงการไฮไลต์ (HIGHLIGHT PROJECTS) คือ 1).โครงการพฤกษาวิลล์ รามคำแหง – วงแหวน (ซอยมิสทีน)มูลค่าโครงการ : 1,647 ล้านบาท จำนวน 482 ยูนิต เตรียมเปิดตัวใน 18-19 สิงหาคม 2561ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ,2).โครงการ PATIO พัฒนาการ 32 มูลค่าโครงการ 435.84 ล้านบาท จำนวน 81 ยูนิตราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท และ3).โครงการ The Connect วงแหวน-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 825 ล้านบาท จำนวน 234 ยูนิต เปิด Presaleเดือนกันยายน 2561 ราคาเริ่ม 2.89 ล้านบาท นอจากนี้ยังจะเปิดแบรนด์ บ้านพฤกษา ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เป็นต้น

 

สำหรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้น นอกจากจะ “ใส่ใจ” พัฒนาคุณภาพสินค้า – บริการอย่างต่อเนื่อง และมีจุดแข็งในด้านนวัตกรรมการก่อสร้างเทคโนโลยีพรีคาสท์ (Precast) จากเยอรมันมาใช้แล้ว พฤกษา ยังได้ร่วมกับพันธมิตรต่างๆ และธนาคารชั้นนำในการกำหนดแพคเกจสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับลูกค้าในแต่ละโครงการ รวมถึงการนำฐานข้อมูลลูกค้าของพฤกษาซึ่งมีอยู่กว่า 1 ล้านคน มาวิเคราะห์ประมวลผลเชิงลึก หรือที่เรียกว่า BIG DATA เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด