3 พันธมิตรอสังหาฯรุ่นใหม่ผนึกกำลังพัฒนาโครงการอสังหาฯในเมือง ตั้งเป้า 5 ปี ผุดทาวน์โฮมทำเลรัชดา ลาดพร้าว พระราม9 ศรีนครินทร์ นวมินทร์ 8-10 โครงการๆละ100-400 ล้านบาท นำร่องโครงการแรก “ดิ ออเธอร์”รัชดาฯ32 มูลค่า 140 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซล 28 ก.ค.61 คาดปิดการขายภายในปีนี้

 

 

นายปวิธ ประเสริฐสม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตฤณ แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า จากการประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯแนวราบย่านนนทบุรี ระดับราคา 2-7 ล้านบาท มา 18 ปี ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ดรีมแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และมองว่ามีความต้องการที่จะพัฒนาโครงการที่แปลกและท้าทายไปจากสิ่งที่ตนดำเนินการอยู่ ประกอบกับมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับนายณรเดช สุนทรปกาสิต  ซี่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาคอนโดฯย่านแจ้งวัฒนะ และโฮสเทล ย่านถนนเพชรบุรี ภายใต้การดำเนินงานบริษัท ปกาสิต แอนด์ ซันนี่ แอสเสท กรุ๊ป จำกัด และนายปราชญ์ วงศ์วรรณ ผู้ดำเนินโครงการอสังหาฯแนวราบที่จ.เชียงใหม่ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ไวซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยพันธมิตรทั้ง 2 ต่างก็มีแนวคิดเดียวกับตน ที่มีความต้องการที่จะพัฒนาบ้านในเมือง สนองความต้องการผู้บริโภค และมีสังคมที่น่าอยู่ จึงได้ก่อตั้งบริษัท ตฤณ แอสเสท จำกัด ขึ้นมา เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยทั้ง 3 คนถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน

 

โดยวางแผนระยะยาว 5 ปีเน้นการพัฒนาโครงการทาวน์โฮม ทำเลรัชดาภิเษก ลาดพร้าว พระราม9 ศรีนครินทร์และนวมินทร์ รวมประมาณ 8-10 โครงการ ระดับราคา 8-15 ล้านบาท  แต่ละโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 100-400 ล้านบาท แล้วแต่ศักยภาพของที่ดินแต่ละแปลง  ซึ่งในช่วง 3 ปีแรกจะพัฒนาปีละ 1 โครงการ และปีที่ 1-5 จะพัฒนาปีละ 4 โครงการ และหลังจาก  5 ปีไปแล้ว ก็มีความสนใจที่จะพัฒนาโครงการแนวสูงเช่นกัน ซึ่งคงต้องสร้างแบรนด์สินค้าให้ติดตลาดเสียก่อน และรอให้สภาวะตลาดเอื้ออำนวยมากกว่านี้

 

 

ซึ่งประเดิมโครงการแรกที่ร่วมทุนพัฒนาร่วมกันคือ “ดิ ออเธอร์” (The Author) ตั้งอยู่ซอยรัชดาภิเษก 32 บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ขนาดตั้งแต่ 20.8-32 ตารางวา ราคา 9.9-12 ล้านบาท จำนวน 14 ยูนิต มูลค่าโครงการ 140 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 นี้ คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้

 

การที่บริษัทฯเน้นพัฒนาโครงการประเภททาวน์โฮมเพราะทำเลดังกล่าว เพราะมองว่าไม่มีซัพพลายมานาน ประกอบกับยังมีช่องว่างในการทำตลาด อีกทั้งที่ตั้งโครงการเป็นซอยที่มีการคมนาคมสะดวก และพบว่ามีลูกค้า 2 กลุ่มใหญ่ให้ความสนใจโครงการคือ พนักงานออฟฟิศ และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่

 

 

“การพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาดเล็กจะมีความได้เปรียบ เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้  ในขณะที่เรียลดีมานด์ยังมีอยู่  ปัจจุบันที่ดินในทำเลรัชดาฯราคาพุ่งขึ้นไปที่ 150,000 บาท/ตารางวา ซึ่งเราพยายามที่จะพัฒนาให้ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท  เพื่อให้ลูกค้าสามารถอยู่อาศัยในพื้นที่ในชั้นกรุงเทพฯได้ ประกอบกับประสบการณ์ในการพัฒนาของเรา 3 คน ที่พัฒนาโครงการอสังหาฯมานาน จะช่วยเสริมความแกร่งในเรื่องของคุณภาพสินค้าและการอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี”นายปวิธ กล่าวในที่สุด