“ทีค ดีเวลลอปเมนท์” เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯปี61ยังแข่งเดือด โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าที่เปิดบริการแล้ว ขณะที่กำลังซื้อยังทรงตัว ขณะที่ต่างชาติจีน-ฮ่องกง แห่ช้อปห้องชุดต่อเนื่อง เปิดแผน 3 ปี รุกผุดคอนโดฯโลว์ไรส์ 2-3 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท  ภายใต้แบรนด์ “The Teak”   เน้นทำเลกทม.ชั้นในสร้างจุดแข็ง นำร่องพรีเซลโครงการย่านสาทร-ลุมพินี มิ.ย.นี้ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ปี63 แตะ 50%ของบริษัทแม่

 

นายวรุตม์ ภาณุพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทฯคาดว่ายังคงมีการแข่งขันที่สูงจากจำนวนโครงการที่เปิดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว และใกล้ที่จะเปิดให้บริการภายใน 1-2 ปีนี้ โดยกำลังซื้อของคนในประเทศยังอยู่ในระดับที่ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ตลาดของชาวต่างชาติกลับมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตลาดชาวจีน และฮ่องกง ที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเนื่องจากมีราคาที่ต่ำกว่าราคาที่อยู่อาศัยในประเทศของตนเอง

 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯในระยะ 3 ปีว่า จะเน้นการพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ ภายใต้แบรนด์ “The Teak” ขนาด 4,000 ตารางเมตร จำนวนไม่เกิน 79 ยูนิต  ซึ่งไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในทำเลกรุงเทพฯชั้นใน ใกล้แนวรถไฟฟ้าBTS และMRT สายปัจจุบัน โดยแต่ละแปลงใช้พื้นที่ประมาณ 200-250 ตารางวา  ซึ่งสามารถหาซื้อที่ดินได้ง่ายกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ต้องการใช้พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ขนาดตั้งแต่ 1-2 ไร่ ดังนั้นจึงมีการขยายไปพื้นที่รอบนอกกทม.ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีต่างๆกันมาก ซึ่งมีการแข่งขันที่สูง บริษัทฯจึงถือว่าเป็นจุดแข็งในการพัฒนาโครงการ โดยปัจจุบันที่ดินในเขตกทม.ชั้นในราคาอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท/ตารางวาขึ้นไป

 

โดยแผนการดำเนินงานในปี 2561 นี้ จะเปิดตัวใหม่ 2-3 โครงการ โดยจะเน้นไปที่โครงการคอนโดมีเนียมความสูงไม่เกิน 8 ชั้น หรือ Low Rise มูลค่าโครงการรวมอยู่ที่ กว่า 1,200 ล้านบาท โดยจะเน้นการเปิดโครงการในทำเลที่มีศักยภาพสูง ใกล้แนวรถไฟฟ้า ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 3 แปลง คือ ทำเลสาทร-ลุมพินี, รัชดาภิเษก และอารีย์ โดยแต่ละโครงการจะมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตที่ประมาณ 25-50 ตารางเมตร ราคาประมาณ 3.3-7 ล้านบาทขึ้นไป หรือราคาเฉลี่ยที่ 130,000-140,000 บาท/ตารางเมตร  จำนวน 79 ยูนิต/โครงการ มูลค่าประมาณ300-400 ล้านบาท/โครงการ โดยจะทยอยเปิดพรีเซลไตรมาสละ 1 โครงการตามลำดับ ซึ่งเริ่มจากโครงกาที่ทำเลสาทร-ลุมพีนี ที่จะเปิดพรีเซลประมาณกลางเดือนหรือปลายเดือนมิถุนายนนี้

 

ทั้งนี้บริษัทฯยังคงเปิดโครงการใหม่โดยเน้น 2 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่เดิมที่มีความต้องการที่พักอาศัยจากการขยายของครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น และกลุ่มของคนทำงานในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ และกำลังซื้อที่สูง ในขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 130 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15-20% จากรายได้รวมของ BSM จากการรับรู้รายได้ของโครงการ The Teak Sukhumvit 39 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 70 ยูนิต ส่วนในปี 2562 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของโครงการที่เปิดเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 40% และปี2563 สัดส่วนรายได้จะขึ้นไปที่ 50%

 

“ในมุมมองของเราปีนี้การแข่งขันสูง โครงการเปิดเยอะ กระจุกกันในทำเลรถไฟฟ้าที่เปิดใหม่ หรือกำลังจะเปิดบริการ แต่สำหรับทำเลในเมืองหรือกรุงเทพชั้นในที่ดินหายากมาก และราคาก็พุ่งขึ้นสูงมาก ทำให้มีโครงการเปิดได้น้อย ส่วนโครงการที่สุขุมวิท 39 ของเรามีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติน้อยมาก เป็นคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งเราเองก็เริ่มให้ความสนใจในตลาดต่างชาติ เนื่องจากชาวจีน และฮ่องกงมีกำลังซื้อสูง และสนใจอสังหาในไทยเนื่องจากยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศของเขา ซึ่งตลาดต่างชาติก็เป็นตลาดหนึ่งที่ช่วยให้การปิดการขายโครงการได้เร็วขึ้น”นายวรุตม์ กล่าวในที่สุด