“ซีพีเอ็น”ทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท เนรมิตที่ดิน 100 ไร่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ผุด”เซ็นทรัล วิลเลจ”ลักชัวรี่เอาท์เล็ท รวมร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และรร. เจาะกลุ่มขาช้อปไทย-เทศ คาดมีผู้ใช้บริการ 10,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 6 ล้านคนต่อปี  พร้อมเปิดให้ตัวไตรมาส3/62

 

 

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือCPN  เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาทในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ คือ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มใหม่ของบริษัทฯและในประเทศไทยคือ โครงการลักซ์ชัวรี่เอาท์เล็ทสมบูรณ์แบบ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่จะสร้างให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทาง แห่งการท่องเที่ยวและช้อปปิ้งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สมบูรณ์แบบ  โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดิน 100 ไร่ พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เปิดบริการได้ภายในไตรมาส3/2562

 

โครงการดังกล่าวใช้ระยะเวลาในการศึกษานานกว่า 6 ปี โดยมีบริษัทดิ เอาท์เล็ท จำกัด จากต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษาโครงการ ที่ทำให้กับเอาต์เล็ทต่างประเทศมาจำนวนมาก เช่น ญี่ปุ่น  ไต้หวัน เป็นต้นโดยภายในโครงการมีหลายเฟส แต่ตั้งเป้าที่จะก่อสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมกัน ทั้งเอาท์เล็ท,ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่แบ่งสัดส่วนเป็นร้านค้าลักซ์ชัวรี่แบรนด์เนม 20% ซึ่งมีอินเตอร์แบรนด์ระดับหรูหลายแบรนด์ที่เจรจาและพร้อมที่จะเข้ามาเปิดชอปในเอาท์เล็ทนี้ ที่เหลือเป็นร้านอาหาร ร้านสินค้าไทย แบรนด์ สินค้าที่เป็นเครือของเซ็นทรัลเองด้วยรวมทั้งหมดกว่า 235 ร้านค้า นอกจากนี้ยังมีโรงแรมขนาด 200 ห้อง ที่อยู่ระหว่างเจรจากับเชนต่างชาติที่จะเข้าบริหาร

 

“โดยทำเลที่ตั้งของเราถือว่ามีความเหมาะสมอย่างมาก เพราะอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทาง 10 นาทีก็ถึง ส่วนคนในเมืองเดินทางเฉลี่ย 45 นาทีก็ถึง อีกทั้งสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินอันดั1ที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้หรือกว่า 55 ล้านคนในปี 2560 และติด 1 ใน 10 อันดับของสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเซียด้วย และคาดว่าในปี2563ส่วนขยายของสนามบินจะแล้วเสร็จ จะรองรับผู้โดยสารสูงถึง 60 ล้านคนต่อปี”นางสาววัลยา กล่าว

 

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการเอาท์เล็ท เซ็นทรัล วิลเลจ นี้ จะมุ่งเน้นคนไทย สัดส่วน 65% และคนต่างประเทศ สัดส่วน 35% ซึ่งในทำเลย่านนั้นจะมีประชากรมากกว่า 12 ล้านคนที่มีกำลังซื้อพอสมควรและยังจับกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า Young Affluent อายุระหว่าง 25-40 ปี ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ประสบความสำเร็จรวดเร็ว มีรายได้สูง เป็นนักช้อปปิ้งแบรนด์เนม รู้จักเปรียบเทียบสินค้า ต้องการสินค้าดีมีคุณภาพ ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของประเทศไทยจะมีประมาณ 2 ล้านคน

 

ขณะที่กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างประเทศนั้น ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากถึง 35 ล้านคนและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 37 ล้านคนในปี2561 นี้ กลุ่มเป้าหมายหลักคือจีน รัสเซีย ทั้งนี้คาดว่า จะมีผู้เข้ามาในเซ็นทรัล วิลเลจ นี้ประมาณ10,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 6 ล้านคนต่อปี

 

นางสาววัลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแต่ละปีบริษัทฯจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยประมาณ 10,000 – 15,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ซึ่งในปีนี้โครงการใหม่ที่เปิดตัวคือ เซ็นทรัล วิลเลจ ส่วนโครงการที่เตรียมเปิดบริการในปีนี้เช่น เซ็นทรัล ภูเก็ตส่วนที่สอง ในช่วงเดือนกันยายน 2561 นี้ ,โครงการเซ็นทรัล ไอซิตี้ มาเลเซีย สาขาที่ 34 จะเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายนนี้ และ เซ็นทรัลเวิลด์ที่ปรับปรุงครั้งใหญ่ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดบริการได้ทั้งหมดปลายปีนี้ นอกจากนั้นมีอีก 3 สาขาที่จะปรับปรุงครั้งใหญ่ จากปัจจุบันมีสาขาเปิดบริการ 32 แห่ง

 

อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 34,594 ล้านบาทเติบโต 18% จากปี 2559 และมีกำไรสุทธิ 13,568 ล้านบาท เติบโต47%

 

ด้านดร.ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฎิบัติการ กล่าวว่า เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักซ์ชัวรี่ เอาท์เล็ท ที่มีจุดเด่นแตกต่าง 4 ประการ คือ 1.ความหลากหลายของลักซ์ชัวรี่แบรนด์เนม ทั้งไทยและต่างประเทศ กว่า 235 แบรนด์ สินค้าหลากหลายเช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา นาฬิกา สินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าตกแต่งบ้านเป็นต้น และสินค้าต่างๆชอปกลุ่มเซ็นทรัลด้วย  2.ราคา เป็นสิ่งสำคัญของเอาท์เล็ท ด้วยส่วนลด 35-70% มีทุกวัน  3.การให้บริการที่มุ่งมั่น หลากหลาย เทียบเท่าศูนย์การค้า ทั้งร้านอาหาร ร้านสินค้า จุดบริการนักท่องเที่ยว สนามเด็กเล่น ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม 4.ทำเลที่ตั้งใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางไปยังโครงการเพียง 10นาที และยังเป็นประตูสู่ภาคตะวันออก ด้วยจำนวนรถยนต์ที่วิ่งผ่านกว่า 200,000 คันต่อวัน หรือ 75 ล้านคันต่อปี รองรับการขยายตัวของเมืองด้วยแผนการขยายสนามบินและรถไฟฟ้า