จากการที่ตลอดวันที่ 10 เมษายน 2561 มีกระแสข่าวลือว่า กลุ่ม King Power ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย อยู่ระหว่างพิจารณาเข้าซื้อสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE โดยมีการคาดการณ์ว่า สินทรัพย์ดังกล่าวอาจเป็นโครงการมหานครของบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด (PP1) และ บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด (PP3) หรือจุดชมวิวในโครงการมหานคร ที่บริษัทเคยเข้าร่วมลงทุนกับ Apollo Asia Sprint Holding Company Limited,Goldman Sachs Investments Holdings (Asia) Limited และ Mercer Investments (Singapore) Pte., Ltd. ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการยุติการร่วมทุนดังกล่าว หลังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่อาจสูงเกินกว่าจำนวนที่ได้ตกลงกับกลุ่มผู้ร่วมลงทุนไว้แต่เดิม


โดยก่อนหน้านี้บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)ได้ประกาศลงนาม บันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมาเพื่อเจรจาซื้อขาย โครงการนิมิตหลังสวน (ทั้งโครงการ) และห้องชุดที่พักอาศัยในโครงการ เดอะ ริทช์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก จำนวน 53 ห้องชุด ในโครงการอาคารชุดมหานครกับกลุ่มเพซฯแล้ว โดยที่บริษัทจะได้รับเงินมัดจำ 322,823,805 บาทคืนเต็มจำนวน

 

และเมื่อวันที่ 5  มกราคม 2561 ได้มีการขยายเวลาการตรวจสอบทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย (Due Diligence) ครั้งที่ 2 โดยการดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินจนสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดแล้ว แต่แสนสิริฯยังไม่ได้รับข้อมูลบางรายการที่เพียงพอต่อการพิจารณาราคาซื้อขายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เพื่อการตัดสินใจของบริษัทอย่างเหมาะสม จึงได้แจ้งต่อกลุ่มบริษัทเพซฯ ว่าการตรวจสอบทรัพย์สินไม่สามารถดำเนินการได้อย่างครบถ้วนเพียงพอ จึงได้มีการแจ้งยกเลิกการเสนอราคาเพื่อซื้อทรัพย์สินดังกล่าว

https://prop2morrow.com/2018/02/07/ย้อนรอย-pace-เร่ขายทรัพย์สิ/

ซึ่งก่อนหน้านี้ประเด็นดังกล่าวได้มีกูรูซุบซิบในวงในว่าแสนสิริฯเป็นเพียงแค่หมากในการถ่วงเวลาการซื้อสินทรัพย์ของเพซฯเท่านั้น เพราะผู้ที่จะซื้อสินทรัพย์ตัวจริงนั้นมีเม็ดเงินที่มากพอจะซื้อสินทรัพย์ของเพซฯ และเรื่องมาแตกว่าเป็นกลุ่ม”คิง เพาเวอร์”นั่นเอง ซึ่งเมื่อนำเรื่องมาประมวลทั้งหมดก็มีความเป็นไปได้จริงๆ เพราะเมื่อกลางเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้มีผู้พบเห็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)หรือSCB นัดพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของ “คิง เพาวเวอร์ ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในโรงแรมหรู แต่ไม่ทราบรายละเอียดการถึงหัวข้อในการเจรจาดังกล่าว แต่เดาไม่ยากว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการเจรจาซื้อสินทรัพย์ของเพซฯอย่างแน่แท้


สอดคล้องกับข้อมูลที่สื่อมวลชนได้มีการตรวจสอบจาก “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” พบว่าได้มีการจดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด ขึ้นมาในวันที่ 27 มีนาคม 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และมีกรรมการบริษัทคือ นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 21.55 น.ของวันที่ 10 เมษายน 2561 บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2561 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำรายการดังต่อไปนี้ ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าทำรายการในวันที่ 10 เมษายน 2561 สรุปรายละเอียดได้ดังนี้

 

1.อนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สิน มูลค่ารวมจำนวนไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ดังนั้นรายการจึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

ก) การจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด (“PP1”) และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด(“PP3”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมผ่านบริษัท เพซ เรียลเอสเตทจำกัด (“PRE”) (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100.00) รวมร้อยละ 51.00และ51.28 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าวตามลำดับ โดยทรัพย์สินที่ PP1และ PP3จะจำหน่าย ได้แก่ ที่ดิน โรงแรม อาคารจุดชมวิว อาคารรีเทลคิวบ์ ปฏิมากรรม ภาพวาด ใบอนุญาตต่าง ๆรวมถึงสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจของ PP1 (โรงแรม) และ PP3 (อาคารจุดชมวิวและอาคารรีเทลคิวบ์) ในโครงการมหานคร คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 12,617 ล้านบาท (ในการคำนวณขนาดรายการ บริษัทฯ คิดมูลค่าทรัพย์สินตามสัดส่วนการถือหุ้นที่บริษัทฯ และ PREถือหุ้นใน PP1 และ PP3รวมร้อยละ 51.00 และ 51.28 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าวตามลำดับ)

 

ทั้งนี้การจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทฯ, PP1 PP2 PP3 และ PRE มูลค่ารวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 14,000 ล้านบาท รายละเอียดโดยสรุปของทรัพย์สินที่จำหน่ายไป มีดังต่อไปนี้


(1) ทรัพย์สินที่PP1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 6,715 ล้านบาท
(ก) ที่ดิน โรงแรม ปฏิมากรรม ภาพวาด ใบอนุญาตต่าง ๆ รวมถึงสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจของ PP1 (โรงแรม) ในโครงการมหานคร เป็นมูลค่าไม่เกิน 6,655 ล้านบาท
(ข) ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่าง PP1 PP2PP3และ PRE ตามสัดส่วนของ PP1 คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 60 ล้านบาท


(2) ทรัพย์สินที่PP3 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 6,022 ล้านบาท
(ก) ที่ดิน อาคารจุดชมวิว อาคารรีเทลคิวบ์ ใบอนุญาตต่าง ๆ รวมถึงสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจของ PP3 (อาคารจุดชมวิวและอาคารรีเทลคิวบ์) ในโครงการมหานครคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 5,962 ล้านบาท
(ข) ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่าง PP1 PP2 PP3และ PRE ตามสัดส่วนของ PP3 คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 60 ล้านบาท


(3) ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่าง PP1PP2 PP3และ PRE ตามสัดส่วนของ PP2 คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 60 ล้านบาท


(4) ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่าง PP1 PP2 PP3 และ PRE ตามสัดส่วนของ PRE คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท


(5) ค่าตอบแทนสำหรับการจัดหา บริหารและดำเนินการให้เกิดรายการ ซึ่งชำระให้แก่บริษัทฯ เป็นมูลค่าไม่เกิน 1,200 ล้านบาท

 

ข) การจำหน่ายที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่าง PP1 บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทู จำกัด (“PP2”)PP3และ PREคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 183 ล้านบาท ซึ่งสามารถคิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ ได้ดังนี้
1) PP1 คิดเป็นสัดส่วนมูลค่า 60 ล้านบาท
2) PP2 คิดเป็นสัดส่วนมูลค่า 60 ล้านบาท
3) PP3 คิดเป็นสัดส่วนมูลค่า 60 ล้านบาท
4) PRE คิดเป็นสัดส่วนมูลค่า 3 ล้านบาท

 

ค) ในการเข้าทำรายการครั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับค่าตอบแทนสำหรับการจัดหา บริหารและดำเนินการให้เกิดรายการ เป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท

 

2. อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นที่อพอลโล เอเชีย สปริ้นท์ คอมปานี ลิมิเต็ด (“อพอลโล”) และโกลด์แมน แซคส์ อินเวสเมนท์ส โฮลดิ้งส์ (เอเชีย) ลิมิเต็ด (“โกลด์แมน”)ถืออยู่ใน PP1 และ PP3 ร้อยละ 49.00 และ ร้อยละ 48.72 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าวตามลำดับ ทั้งหมดรวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 320 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือไม่เกิน 10,000 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 เมษายน 2561 ที่ 31.25บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ)

 

รายการจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัท PP1 ,PP2 ,PP3 และPRE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ถือเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และ ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมถึงประกาศที่แก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป”) ซึ่งมีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 23.98 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน โดยคำนวณจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ ที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว สิ้นสุด ณ วันที่ 31ธันวาคม 2560 ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับร้อยละ 15 หรือสูงกว่า แต่ไม่ถึงร้อยละ 50 จึงถือเป็นรายการประเภทที่ 2 ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป

 

รายการซื้อหุ้นใน PP1และ PP3 นั้น ถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งมีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 30.84 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน โดยคำนวณจากงบการเงินรวมของบริษัทฯที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับร้อยละ 15 หรือสูงกว่า แต่ไม่ถึงร้อยละ 50จึงถือเป็นรายการประเภทที่ 2 ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป

 

โครงการมหานครเป็นโครงการที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะจำหน่ายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) ภายหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้น ดังนั้น การจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินในคราวนี้จึงเป็นการจำหน่ายทรัพย์สินที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับกระแสเงินสดเร็วกว่ากำหนด ซึ่งภายหลังจากการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การดำเนินงานอีก 4 โครงการ คือ โครงการนิมิต หลังสวน โครงการวินด์เชล โครงการมหาสมุทร วิลล่า และโครงการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ อีกทั้งยังมีธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม “DEAN & DELUCA”

 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เพซ ฯได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและออกใบสำคัญแสดงสิทธ์ ที่จะซื้อหุ้นสามัญของเพซฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด ซึ่งการเสนอขายหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ได้เงินจำนวน 3,894 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นกับสถาบันการเงินและหนี้ที่ครบกำหนด

 

ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ก่อนช่วงสงกรานต์ ที่สามารถปิดดีลการขายสินทรัพย์ของกลุ่มเพซฯได้ และคลายข้อสงสัยของสื่อมวลชนและทุกคนในแวดวงอสังหาฯได้ตามที่คาดการณ์ไว้

 

อนึ่ง มีกระแสข่าวว่า กลุ่ม “คิง เพาเวอร์”จะมีการส่งข่าวการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวแก่สื่อมวลชนในวันที่ 11 เมษายน 2561 นี้

 

http://portal.settrade.com/simsImg/news/rltm/1141NWS100420182155300853T.pdf