เน็กซัสเผยผลสำรวจราคาค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานไตรมาสแรกปี61 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 960 บาท/ตารางเมตร/เดือน พบค่าเช่าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1,400บาท/ตารางเมตร/เดือน ระบุมีการกระจายตัวของโครงการมากขึ้น  พื้นที่อาคารสำนักงานในเขตรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว คาดอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีพื้นที่ออกมาเพิ่มขึ้นอีกถึงประมาณ 1.13 ล้านตารางเมตร โดยเฉพาะโครงการ One Bangkok มีซัพพลายเพิ่มมากสุด 500,000 ตารางเมตร อาจส่งผลให้ตลาดผู้ให้เช่าเปลี่ยนไปเป็นตลาดของผู้เช่าแทน แนวโน้มการเช่าจะเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยจะมีการเช่าในลักษณะการทำ Co-Working Spaceและ Serviced Office มากขึ้น

 

 

 

นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม เปิดเผยว่า ในช่วง 10 ปีทีผ่านมา ตลาดพื้นที่เช่าในอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านของราคาค่าเช่าและพื้นที่ให้เช่า ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายเริ่มเข้ามาพัฒนาธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นการพัฒนาในรูปแบบอาคารประเภทผสมผสานเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการพัฒนาโครงการมากที่สุด เพราะปัจจุบันที่ดินทำเลดีหายากและราคาสูงขึ้นมาก สำหรับทำเลที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือย่านพระราม 4 และสุขุมวิทตอนต้น รวมถึงพญาไท

 

พื้นที่อาคารสำนักงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 มีพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้นประมาณ 4.23 ล้านตารางเมตร ในจำนวนนี้อยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจประมาณ 2.29 ล้านตารางเมตร โดยกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่เช่าในเขตศูนย์กลางธุรกิจนี้เป็นพื้นที่สำนักงานเกรด A ทั้งนี้ พื้นที่การพัฒนาอาคารสำนักงานมีการขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมาพื้นที่อาคารสำนักงานในเขตรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

 

 

ในส่วนของการพัฒนาโครงการในอนาคต เนื่องจากที่ดินในเมืองที่สามารถพัฒนาโครงการมีจำนวนจำกัดและมีราคาสูง ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรด A ถึง AA ทั้งในเขตชั้นใน และ      เขตรอบนอกของศูนย์กลางธุรกิจเนื่องจากตลาดยังมีความต้องการสูงจากผู้เช่า การดึงดูดผู้เช่าสามารถทำได้โดยการเน้นสาธารณูปโภคภายในโครงการที่ดี มีการออกแบบที่สวยงาม ทำเลที่ตั้งที่ดึงดูดและการแบ่งขนาดพื้นที่เช่าที่เหมาะสม  ทีมวิจัยของเน็กซัสคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดพื้นที่อาคารสำนักงานจะมีเพิ่มเข้าสู่ตลาดอีกประมาณ 1.13           ล้านตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเช่าพื้นที่และอัตราการใช้พื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ

 

สำหรับด้านอัตราค่าเช่าปัจจุบัน จากการสำรวจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 พบว่า ราคาค่าเช่าเฉลี่ยของพื้นที่อาคารสำนักงานเกรด A ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 960 บาท/ตรม./เดือน ในขณะที่ค่าเช่าสูงสุดอยู่ทีjประมาณ 1,400 บาท/ตารางเมตร/เดือน ส่วนพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรด A ที่อยู่พื้นที่เขตรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจ    จะอยู่ที่820 บาท/ตารางเมตร/เดือน โดยมีอัตราการใช้พื้นที่เฉลี่ยรวมประมาณ 95%

 

 

นายธีระวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดพื้นที่ในอาคารสำนักงานจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกค่อนข้างมาก  ประมาณ 1.13 ล้านตารางเมตร โดยเฉพาะโครงการ One Bangkok แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากตลาดของผู้ให้เช่าเป็นตลาดของผู้เช่าแทน       ซึ่งจะส่งผลให้มีการแข็งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในตลาดอาคารสำนักงาน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีพื้นที่อาคารสำนักงานป้อนสู่ตลาดค่อนข้างจำกัด นอกจากนี้การใช้งานสำนักงานประเภท Co-Working Spaceและ Serviced Office จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดพื้นที่อาคารสำนักงาน โดยอาจจะกลายมาเป็นผู้เช่าหลักในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจอาคารพื้นที่ในอาคารสำนักงานให้เช่าในหลายๆประเทศทั่วโลก

 

“เมื่อโครงการ One Bangkok ก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีพื้นที่เช่าสำนักงานมากถึงประมาณ 500,000  ตารางเมตร หรือ จะทำให้มีซัพพลายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 12% ของจำนวนพื้นที่เช่าสำนักงานทั้งหมดของกรุงเทพฯในปัจจุบัน โดยถือว่ามีขนาดพื้นที่ให้เช่าใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา อีกทั้งซัพพลายในอีก 5 ปีจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคิดเป็นประมาณ 30% ของจำนวนซัพพลายที่มีของในตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาจจะทำให้ผู้เช่ามีตัวเลือกมากขึ้น จึงอาจเปลี่ยนเป็นตลาดของผู้เช่าได้”นายธีระวิทย์ กล่าว

 

สำหรับเน็กซัสฯเองที่ผ่านมาจะทำหน้าที่รับเป็นตัวแทนให้ผู้เช่าที่เป็นบริษัทต่างชาติรายใหญ่ๆ เช่าในพื้นที่อาคารสำนักงานในย่านใจกลางเมืองมากมากกว่า 100,000 ตารางเมตร ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา โดยลูกค้าผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานรายใหญ่ๆที่ทางเน็กซัสฯเคยหาพี้นที่ให้มีทั้ง ธุรกิจโภคภัณฑ์ ธุรกิจไอที ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจยาและอาหารเสริม ธุรกิจฟิตเนส เป็นต้น นอกจากการดูแลกลุ่มลูกค้าบริษัทข้ามชาติดังกล่าวมาแล้วนั้น ทางเน็กซัสฯยังมีแผนในการดูแลลูกค้าบริษัทสัญชาติไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SME และ Start Up ด้วย