เสนา ดีเวลลอปเม้นท์   เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯทำยอดขายตามเป้าทั้งปี2561อยู่ที่ 10,300 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเป็น 10 % ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

 

นางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์  จำกัด หรือSENA เปิดเผยว่า เพื่อให้มั่นใจว่าปี 2561 บริษัทฯจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าอยู่ที่ 10,300 ล้านบาท** อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://prop2morrow.com/2018/01/24/sena/ บริษัทจึงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 2/2561 บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมย่านติวานนท์อีก 1 โครงการ และไตรมาส 3/2561 จะเปิดอีก 1 โครงการย่านเจริญนคร บนเนื้อที่ 3.42 ไร่  ที่ดินแปลงดังกล่าวได้มาด้วยการที่บริษัทเสนาฯเข้าไปซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ราชพฤกษ์ กาญจนา  เกน จำกัด จำนวน 309,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ   99.9994 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของบริษัทราชพฤกษ์ฯ จากผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นางกาญจนา ศักดิ์สมวาส ในราคาเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด จำนวน 309,998,000 บาท

 

การซื้อหุ้นของบริษัทราชพฤกษ์ฯในครั้งนี้บริษัทเสนาฯจะได้มาซึ่งสินทรัพย์หลัก คือที่ดินแปลงดังกล่าว รวมถึงแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคารชุดที่มีความสมบูรณ์และสัญญาการบริหารจัดการต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อจากเจ้าของเดิม  ทั้งนี้ที่ตั้งของที่ดิน 3.42 ไร่อยู่บริเวณเจริญนคร ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีปัจจัยบวก ทั้งใกล้แหล่งงาน ห้างสรรพสินค้า การขยายตัวของชุมชนเมือง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วน ซึ่งเป็นทำเลที่ยังคงได้รับการตอบสนองจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

เพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจพลังงานทดแทนเป็น 10 % ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

พร้อมกันนี้ ผู้บริหารของบริษัทเสนาฯยังกล่าวถึงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือ คือ บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ทั้งให้บริการในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อปว่า บริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเป็น 10 % ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 7-8% จากสิ้นปี 2560 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 4-5 %  โดยตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) เพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์ ภายใน 2-3 ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 70 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเน้นไปที่การขยายโซลาร์รูฟท็อปกับพันธมิตรที่บริษัทได้ดำเนินการติดตั้ง เช่น โฮมโปร และเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะเดียวกันมีแผนการนำบริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อระดมทุนนำมาต่อยอดการให้บริการด้านโซลาร์ของบริษัท โดยหันมามุ่งเน้นงานรับติดตั้งโซลาร์ให้กับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อทดแทนตลาดที่หายไปจากที่โครงการโซลาร์ของโครงการภาครัฐชะลอตัวไป

 

ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเพื่อทำการติดตั้งโซลาร์เพื่อที่อยู่อาศัยมาแล้วกว่า 300 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ทางเสนา โซลาร์ ยังได้ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ/การติดตั้ง ตลอดจนการบริการหลังการขายแบบครบวงจรในเรื่องโซลาร์รูฟท็อปด้วยโดยในปีนี้เอง ทางบริษัทตั้งเป้าติดตั้งโซลาร์เพิ่ม 20 เมกะวัตต์ทั้งในโครงการของเสนาและลูกค้าทั่วไปที่สนใจ ควบคู่กับการให้บริการลูกค้านอกโครงการที่สนใจติดตั้ง ที่สำคัญเรามีแอพพลิเคชั่น SENA 360 องศา SERVICE ซึ่งเป็นระบบที่สามารถคำนวณการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริงที่เกิดขึ้นภายในบ้านมั่นใจได้ว่าระบบดังกล่าวจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการของเสนา

 

จับมือ “Refinn.com”เพิ่มออฟชั่นตอบโจทย์ลูกค้าติดตั้งโซลาร์/ EV Charger

 

และล่าสุด เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2561 เสนาฯได้ผนึกพันธมิตรข้ามสายธุรกิจ “เสนา โซลาร์ฯ” จับมือ “Refinn.com” สตาร์ทอัพฟินเทคธุรกิจบริการค้นหาข้อมูลสินเชื่อออนไลน์ หวังเพิ่มออฟชั่นลูกค้าได้ในอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 3.99 % ที่ต้องการติดตั้ง โซลาร์ หรือติดตั้งเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า (EV Charger) ภายใต้ชื่อ EV ready รองรับยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ให้กับบ้านทุกหลัง นับว่าเสนาเป็น The First EV ready รายแรกในไทยที่ติดตั้งเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า (EV ready) โดยจับกลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนั้นจะขยายการติดตั้งเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าทุกโครงการใหม่ในอนาคตด้วย    ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท ใน 5 ปี ชูโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ฟรี! ค่าบำรุงรักษาระบบ 2 ปี รวมมูลค่า 10,000 บาท

 

ส่วนเป้ารายได้จากธุรกิจโซลาร์ ปีนี้ ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 480 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี2560 อยู่ที่ 72% โดยในช่วงปีที่ผ่านมา มีรายได้กว่า278.4 ล้านบาท