สร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่องสำหรับ GRAND UNITY หลังจากปรับกลยุทธ์และประกาศเตรียมเปิดตัว 4 โครงการแห่งปี 2018 ซึ่งนับว่าเป็นการก้าวข้ามสู่ศักราชใหม่ และกลิ่นอายใหม่ๆ ของ GRAND UNITY ซึ่งเบื้องหลังของการปั้น GRAND UNITY ให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในอีกระดับนั่นคือ คุณสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัดผู้ที่คร่ำหวอดปั้นโปรเจ็คมาแล้วมากมาย

De LAPIS Charan 81 เป็นโครงการที่ 2 จาก 4 โครงการที่ GRAND UNITY ประกาศเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งโครงการ CIELA Sripatum เป็นโครงการแรกที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ และก็ขายดีดังคาด ถ้าใครที่เคยติดตามโครงการเก่าๆ ของ GRAND UNITY เดิม จะเห็นว่าแนวคิดการพัฒนาโครงการมีการเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร ซึ่งแต่เดิมทำเลที่ตั้งอาจจะห่างสถานีรถไฟฟ้าสักหน่อย 500 เมตร – 1 กิโลเมตร แต่เมื่อปรับกลยุทธ์และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ในปีนี้ก็เป็นกลยุทธ์ในการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการใหม่ให้ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เพื่อจับกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น พร้อมแนวคิดของ Project ที่ทันสมัยเข้ากับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ จึงไม่แปลกที่ Product ใน Series ใหม่ทั้ง 4 โครงการ จึงเป็นที่น่าสนใจของลูกค้าอย่างกว้างขวางกว่าเดิม

โครงการ De LAPIS Charan81 ชื่อโครงการคำว่า Lapis นั้นมาจากอัญมณี แร่รัตนชาติสีน้ำเงิน ที่หายากยิ่งที่เป็นที่นิยมตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ เปรียบเสมือนอัญมณีของเทพเจ้าที่ให้พลังแห่งสวรรค์และมีคุณสมบัติในการเสริมสร้างสติปัญญาและสมาธิ การเลือกใช้ De LAPIS ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาพ เบิกบาน บาลานซ์ มีสไตล์ซึ่งเป็น Sense of Delight สำหรับกลุ่มที่ต้องการ Live Balance

ถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นเหมือนย่านเมืองเก่าที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทำเลย่านนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลังแผนการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีความชัดเจน และเชื่อว่าจะยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกมากในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทำเลที่ตั้งโครงการ De LAPIS Charan 81 ชื่อก็บอกค่อนข้างชัดเจนว่าโครงการต้องอยู่ช่วงปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 81 โดยตัวโครงการอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัด อีกทั้งรอบๆ โครงการจะมีวิถีการใช้ชีวิตของชุมชนเดิมจึงหาของกินได้ไม่ยากเหมาะแก่การใช้ชีวิตจริงๆ

แผนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตลอดเส้นทางช่วยฉุดมูลค่าที่ดินให้ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย เมื่อปี 2558 พบว่าที่ดินย่านสถานีบางพลัดอยู่ที่ ตรว.ละ 160,000 บาทมีการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้เป็นอีกเส้นทางที่มีความสำคัญกับคนกรุงเทพฯ เป็นอย่างมาก เพราะเป็นรถไฟฟ้าสายเดียวที่วิ่งเป็นวงกลม ซึ่งในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก แนวรถไฟฟ้าที่วิ่งเป็นวงแหวนลักษณะนี้ จะมีความสำคัญและมีการเติบโตของราคาที่ดินสูงกว่าทำเลอื่นๆ

 

จึงเรียกได้ว่า De LAPIS Charan 81 เป็นอีก 1 โครงการที่อยู่บนทำเลที่มีศักยภาพและน่าอยู่อาศัยอีกทำเลหนึ่งของกรุงเทพด้วยเช่นกันเพราะอะไรจึงกล้าที่จะบอกเช่นนี้?

จุดเด่นเรื่องทำเลโครงการพอจำแนกได้ดังนี้ 

ACCESSIBILITIES

ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับสถานี MRT บางพลัด ซึ่งอย่างที่บอกคือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งเป็นวงกลม การจะเข้าเมืองไปสีลม อโศก หรือ ลาดพร้าวจึงไม่ใช่เรื่องยาก แม้คุณจะไม่ได้ขับรถหรือหากคุณจะขับรถการเดินทางก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน เพราะบริเวณโครงการใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาหลายสะพาน คือ สะพานกรุงธนฯ ที่ข้ามไปยังถนนราชวิถีมุ่งหน้าเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  และ สะพานพระราม 7 ที่ข้ามไปยังถนนวงศ์สว่าง หรือ แยกไปยังนนทบุรีได้ในเวลาไม่กี่นาที สะพานพระราม8 ที่ช่วยระบายรถเข้าสู่ถนนวิสุทธ์กษัตริย์ และสะพานปิ่นเกล้าที่เป็นสะพานสำคัญของชาวฝั่งธนฯ ที่มุ่งเข้าสู่ถนนราชดำเนินจึงมีทางเลือกในการขับรถข้ามแม่น้ำค่อนข้างเยอะในบริเวณนี้ ซึ่งอนาคตอาจจะมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ที่บริเวณโรงพยาบาลยันฮี ข้ามไปยังถนนสะพานแดง มุ่งหน้าสู่ถนนประดิพัทธิ์เพื่อรองรับการมาของรัฐสภาแห่งใหม่ที่ตอนนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งหากสะพานนี้เกิดขึ้นจริงจะห่างจากหน้าโครงการเพียง 1 กิโลเมตร เท่านั้น

สำหรับใครที่ใช้ทางด่วนละแวกนี้ ก็ใกล้ทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเศก – หมอชิต 2 (ด่านบางกรวย บริเวณโรงไฟฟ้าบางกรวยได้) ซึ่งสามารถมุ่งหน้าสู่จตุจักร – หมอชิตได้โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 15 – 20 นาที เท่านั้นจากการทดลองขับรถจริงๆ ในช่วงเวลาปกติ

สรุปได้ว่าเรื่องการเดินทางเข้าเมืองมีทางเลือกการเดินทางให้เลือกทั้งระบบรางและรถยนต์หรือแม้แต่ทางเรือตรงนี้ก็ไม่ไกลจากท่าเรือด่วนเจ้าพระยาบริเวณวัดอาวุธวิกสิตาราม ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 72 ก็สามารถไปยังท่าเรือสาทรต่อรถไฟฟ้า BTS ก็ยังได้

สิ่งอำนวยความสะดวก

โครงการนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นไปตามสมัยนิยม จัดเต็มตั้งแต่ชั้นGround และ ชั้น Rooftop ซึ่งจะเป็น Highlight  ที่สำคัญของโครงการ เพราะวิวจากมุมสองสามารถรับบรรยากาศวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปอย่างเต็มๆ เพราะทำเลในย่านนี้อยู่ในเขตควบคุม จึงไม่ค่อยมีอาคารสูงในพื้นที่มากนัก

สิ่งอำนวยความสะดวกในชั้นล่าง เริ่มตั้งแต่ Drop Off  และ  Grand Lobby ที่ให้ความสูงแบบ Triple Volume อลังกาลกว่าโครงการในระดับเดียวกันบนทำเล พร้อมชั้น Mezanine หรือชั้นลอยที่ออกแบบให้เป็น Co-working space และ ห้องประชุมสำหรับลูกบ้าน ที่สามารถนัดเพื่อนมานั่งทำงานด้วยกันได้ด้วย

 

 

SCENERY

ทำเลวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยสุดสายตาแบบพาโนรามา ด้วยความที่บริเวณนี้แต่เดิมไม่สามารถขึ้นอาคารสูงได้ในรัศมีรอบๆ โครงการจึงไม่ค่อยมีอาคารสูงมาบดบังทัศนียภาพ ยิ่งที่ดินที่ติดแม่น้ำยิ่งเป็นเขตที่มีกฎหมายควบคุมเรื่องสิ่งปลูกสร้าง การเสพวิวแม่น้ำจากห้องพักหรือบนชั้น Roof top ของโครงการจึงเป็นเรื่องที่ทำให้หลายต่อหลายคนอิจฉา เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเหมือนแม่น้ำสายสำคัญที่คนไทยผูกพันธ์กันมาอย่างยาวนาน หลายต่อหลายคนมีความฝันที่อยากมีบ้านริมแม่น้ำหรือเห็นวิวแม่น้ำ วิถีชีวิตคนไทยริมแม่น้ำจึงมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ยิ่งนโยบายของภาครัฐบาลที่มีแผนฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงเส้นทางเลียบแม่น้ำเพื่อปรับให้เป็นแหล่งพักผ่อนของคนกรุงเทพฯ ทั้งนี้รวมถึงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หรือ สัปายะสภาสถาน ที่เป็นเหมือน Land Mark ที่สะท้อนถึงวิถีและสถาปัตยกรรมในแบบไทยที่มีความสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากอาคารโครงการ
De LAPIS Charan 81 แห่งนี้ด้วยเช่นกัน

AMENITIES

ที่ตั้งโครงการแวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญๆ ที่ช่วยให้ลูกบ้าน De LAPIS Charan 81 อุ่นใจและสุขใจ     ในทุกๆ วันได้ ทั้งสถานพยาบาล, สถานที่ราชการสำคัญ, แหล่งช้อปปิ้งบันเทิง ย่านนี้ก็ครบ เพราะอย่างที่บอกว่าย่านนี้คือแหล่งเมืองเก่าดั้งเดิมที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นมายาวนาน ภาพรวมของเมืองจึงอุดมสมบูรณ์ทั้งอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตที่สำคัญยังอยู่ใกล้ร้านกาแฟที่ผมชื่นชอบและใช้บริการอยู่ทุกครั้งที่ผ่านไปย่านนี้คือร้านกาแฟบ้านบางอ้อร้านกาแฟชื่อดังที่เป็นแหล่งนัดพบปะสังสรรค์ของคนย่านบางอ้อและบางพลัด ซึ่งอยู่บริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 84 ห่างจากหน้าโครงการไปนิดเดียวเท่านั้น หรือหากอยากช้อปปิ้ง จากตรงนี้ก็เดินทางไปเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า หรือ The Sense Community Mall ที่มีร้านอาหารดีๆ หลายร้านซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีจากตัวโครงการ และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โฉมใหม่ที่เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นและหนุ่มสาววัยทำงานในทำเลย่านนี้

สถานพยาบาล และศูนย์การแพทย์เฉพาะทางใกล้โครงการ

โรงพยาบาลรัฐ: โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล

ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 24 ชั่วโมง : โรงพยาบาลเจ้าพระยา

เสริมความมั่นใจ ด้านความสวยงามและรักษาโรคทั่วไป: โรงพยาบาลยันฮี

เครื่องมือทันสมัย ครบวงจร : โรงพยาบาลธนบุรี และ โรงพยาบาลธนบุรี2

แพทย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง: โรงพยาบาลรามาธิบดี

 

แหล่งไลฟ์สไตล์ทั้งบันเทิงและช้อปปิ้ง
ศูนย์การค้า : เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์: เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า
ห้างสรรพสินค้า : ตั้งฮั่วเส็ง
ซูเปอร์สโตร์มอลล์ : เทสโก้ โลตัส
สเปเชียลตี้สโตร์: โฮมโปร ราชพฤกษ์, ซีดีซี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์
คอมมิวนิตี้มอลล์: เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า, เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก, เดอะเซอเคิล ราชพฤกษ์ เดอะวอล์คราชพฤกษ์

คาเฟ่ร้านกาแฟสุดชิค: กาแฟบ้านบางอ้อ

 

สะดวกสบายกับสิ่งอำนวยความสะดวก หลากหลายประเภทใกล้โครงการ

สำนักงาน: สรรพากรบางพลัด, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ขนส่งไปรษณีย์ : ที่ทำการไปรษณีย์บางอ้อ

ธนาคารและการเงิน : ธนาคารธนชาต, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย

สถาบันการศึกษา: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต,โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์, โรงเรียนเซนต์คาเบรียล,โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์, โรงเรียนทิวไผ่งาม, โรงเรียนวัดนายโรง,โรงเรียนบูรณวิทย์

 

 

โดยสรุปแล้ว ความน่าสนใจของโครงการจริงๆ คือทำเลย่านจรัญสนิทวงศ์นี้ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาและเติบโตสูงขึ้นได้อีก เมื่อวันที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีการเดินรถครบเต็มทั้งระบบซึ่งก็ประมาณปี 2563 ก็ใกล้เคียงกับวันที่โครงการก่อสร้างเรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งในวันนั้นการมองหาที่อยู่อาศัยที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าย่านนี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นจึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนแบบ Long-term ที่จะเก็บโครงการแต่วันนี้ราคาเฉลี่ยโครงการน่าจะวิ่งอยู่ราวๆ 9 หมื่นปลายๆ จนถึง 1 แสนบาท ต่อตารางเมตร เทียบกับคู่แข่งหลายโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้บนถนนเส้นเดียวกันก็ 1.2 แสนบาท ต่อตารางเมตรกันหลายที่ ซึ่งราคาแบบนี้ก็ยังพอเห็นโอกาสทำกำไรได้ ส่วนหากอยากซื้อเก็บหรือปล่อยเช่าศักยภาพปล่อยเช่า ณ ตอนนี้ คนย่านนี้ยังมีกำลังเช่าไม่สูงมาก เฉลี่ยอยู่ราวๆ 300 – 350 บาท ต่อตารางเมตร แต่อนาคตอีกสัก 2 ปี รถไฟฟ้าเปิดใช้ ก็อาจจะเห็นตัวเลข 400 บาทขึ้นไปได้เหมือนกัน

สำหรับโครงการ De LAPIS Charan 81 ได้ผ่าน EIA และเริ่มงานก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการเตรียมเปิดขายรอบ Presale ในวันที่ 19 – 20 พ.ค. 2561 นี้ ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท (สำหรับห้อง 1 bedroom)ห้องตัวอย่างและสำนักงานขายสวยๆ พร้อมเปิดให้ชมในวันที่ 25 เมษายน 2561 นี้ เป็นต้นไป สำหรับรายละเอียดแบบเจาะลึกโครงการ รอติดตามอ่านแบบละเอียดได้ที่ prop2morrow เร็วๆนี้

สามารถลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษได้ที่ https://goo.gl/hh3ihG หรือโทร. 02-652-4000