วิจิตรา กรุ๊ป เผยEEC ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนในพื้นที่3จังหวัด ส่งผลภาพรวมตลาดอสังหาฯภาคตะวันออกโตเท่าตัว โดยเพาะฉะเชิงเทรา นิคมขยายตัวมากดีมานด์ที่อยู่อาศัยขยายตัวตาม แย้มแผนปี61 ผุด 5 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ “เดอะ เทรชเชอร์” ระบุปี63 เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดฯ ตั้งเป้ายอดขาย-รายได้ปีนี้โต30%

 


นายสืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร วิจิตรากรุ๊ป
หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก ประกอบด้วย สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา  3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับอานิสงส์จากนโยบายการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ของภาครัฐ และในปีนี้เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ อาทิ มอเตอร์เวย์สายใหม่ๆ รวมถึงภาครัฐยังเร่งพัฒนารถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-ชลบุรี-ระยอง) ซึ่งจะมี 5 สถานี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา และอู่ตะเภา ,โครงการรถไฟความเร็วเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ด้วยปัจจัยเหล่านี้ล้วนดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะมีการพัฒนาเป็นเมืองใหม่ รองรับคนจากกรุงเทพ และพื้นที่ใกล้เคียง จึงมีการเติบโตและการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกมีอัตราการเติบโตเป็นเท่าตัว และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องระยะยาว

 

ทั้งนี้การขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมจะมีมากขึ้นจากปัจจุบันที่มี 4 นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่ 554 ไร่  ซึ่งไม่รวมนิคมอุตสาหกรรมของโตโยต้า โดยเชื่อว่าจะมีผลทำให้ประชากรเคลื่อนย้ายเข้ามาในฉะเชิงเทรา รวมถึงประชากรแฝงอีกไม่น้อยกว่า 200,000 คน จากปัจจุบันที่มีประชากรซึ่งไม่นับประชากรแฝงอยู่ประมาณ 709,889 คน โดยจะมีผลทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในฉะเชิงเทราขยายตัวมากขึ้น

 


สอดคล้องกับนโยบายบริษัทฯที่ยังคงให้น้ำหนักในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดฉะเชิงเทราอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคาประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และเริ่มมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเข้าไปเปิดโครงการมากขึ้น แต่ด้วยชื่อเสียงของบริษัทที่พัฒนาในพื้นที่ดังกล่าวมานานและหลายโครงการ รวมถึงทำเลที่ตั้งซึ่งมีศักภาพเหนือกว่า

 

สำหรับแผนธุรกิจของวิจิตรา กรุ๊ป  ในปี 2561 ได้เตรียมเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการมารวย ริเวอร์ไซด์ 2 อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท  2.โครงการมารวย โสธร 4 เป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท มูลค่ารวม 500 ล้านบาท  3.โครงการมารวยอ่อนนุช-ลาดกระบัง เป็นทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่มต้น 1.95 ล้านบาท มูลค่ารวม 500 ล้านบาท 

 

ส่วนอีก 2 โครงการเป็นการพัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่  คือ “เดอะ เทรชเชอร์ โฮม”บางนา-ตราด กม.34 เป็นทาวน์โฮมที่มีความโมเดิร์นมากขึ้น ราคาเริ่มต้น 2.45 ล้านบาท มูลค่ารวม 420 ล้านบาท ซึ่งเตรียมจะเปิดขายในไตรมาส 2  และโครงการ “เดอะ เทรชเชอร์ วิลล์”เป็นบ้านแฝด ราคา 3.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้จะเน้นการพัฒนาสินค้าให้มีฟังก์ชั่นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในระดับราคาที่เอื้อมถึงได้ และเน้นการพัฒนาสินค้าให้ครบครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งบ้านเดี่ยวระดับ Luxury บ้านเดี่ยวระดับ Premium และบ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮมระดับ Start up นอกจากนี้ที่ผ่านมา บริษัทมีการนำเทคโนโลยี การใช้ระบบผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast จาก SCG ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัท มาช่วยในงานก่อสร้าง สามารถช่วยร่นระยะเวลาการก่อสร้าง ช่วยลดปัญหาแรงงาน และทำให้ลูกบ้านได้บ้านที่มีคุณภาพสูง นอกจากบริษัทมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 30 ปี พร้อมกันนี้ยังเร่งสร้างการรับรู้ของแบรนด์ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค

 

อย่างไรก็ตามในปี2563วิจิตรากรุ๊ป มีความพร้อมที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของบริษัท โดยที่กลุ่มวิจิตรากรุ๊ป จะได้เปรียบเรื่องเงินลงทุนและแลนด์แบงก์ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายและรายได้เติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 30% จากปี 2560 ที่มียอดขายและรายได้ที่ 600 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมี Backlog มากกว่า 500 ล้านบาท สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกได้