เอ็น.ซี.ฯมั่นใจตลาดอสังหาฯปี61แนวโน้มเติบโตดี ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แบงก์ผ่อนคลายกฎเกณฑ์หวังเพิ่มยอดปล่อยสินเชื่อ ระบุภาครัฐหนุนEECสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ยันมีแลนด์แบงก์รองรับอีกหลายแปลง เปิดแผนปีจอจ่อผุด 3 โครงการ กทม.-พัทยา รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท รับสนร่วมทุนต่างชาติ โดยเฉพาะบ้านผู้สูงอายุ ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ปีนี้แตะ 1,700 ล้านบาท

 


นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH
เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี2561 ว่า ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์จากกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ ส่วนอัตราดอกเบี้ยในปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นประมาณ 0.50% ซึ่งอาจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคปรับลดลงเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบมาก เนื่องจากดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามหากผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้จะยังได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งในเรื่องราคาและโปรโมชั่น เพราะทุกสถาบันการเงินต่างตั้งเป้าสินเชื่อในปีนี้โตทั้งหมด จึงมีการเจรจากับผู้ประกอบการที่มีการเตรียมโอน ด้วยการมีเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งผู้ประกอบการก็ให้การตอบรับดี

 

ด้านอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงที่ 30% แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของเอ็น.ซี.ฯเอง ได้มีการเตรียมพร้อมลูกค้าเพื่อขออนุมัติสินเชื่อไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้ด้วย

 

“EEC จะสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการไปลงทุนมากขึ้นทั้งอุตสาหกรรมหนักอสังหาฯและท่องเที่ยว เป็นต้น หากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก พ.ศ. …. หรือกฎหมายอีอีซี แล้วเสร็จ นักลงทุนก็จะมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น  ในส่วนของบริษัทเองก็คงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยชลบุรียังเป็นฐานใหญ่ มีแลนด์แบงก์อยู่ประมาณหลาย10ไร่ สามารถพัฒนาได้ทั้งแนวราบและแนวสูง แต่เหมาะสมในการทำแนวสูงมากกว่า เพราะแต่ละแปลงพื้นที่ประมาณ 5 ไร่บวกลบ ปัจจุบันราคาที่ดินปปรับขึ้นสูงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากที่หยุดซื้อมา 2 ปี ขณะเดียวกันก็มีผู้นำเสนอที่ดินทำเลระยองเช่นกัน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา อย่างไรก็ตามแนวทางการพัฒนาจะเน้นในกทม.-ปริมณฑล สัดส่วน 80% และต่างจังหวัด สัดส่วน20%”นายสมนึก กล่าว

 

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี2561นี้ จะพัฒนาประมาณ 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ  2,500 ล้านบาท  แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ ในโซนเหนือและโซนตะวันตก ของกทม. ส่วนอีก 1 โครงการเป็นคอนโดฯ ที่พัทยา 1 ซึ่งพัฒนาบนที่ดินเดิมทั้งหมด โดยจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังทั้งหมด  ขณะนี้บริษัทฯมีที่ดินรองรับการเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นตั้งเป้าเปิดตัว 3 โครงการก่อน แต่หากสถานการณ์ต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทฯก็พร้อมที่จะพัฒนาโครงการเพิ่มทันที ซึ่งจะมีการพิจารณาอีกครั้งในช่วงกลางปีนี้

 

“สำหรับตลาดแนวราบในปีนี้มองว่ายังไปได้อยู่ โดยทาวน์เฮาส์ ราคาอยู่ที่2-4 ล้านบาท บ้านแฝดราคา 4 ล้านบาทขึ้นไปยังได้รับการตอบรับดี ยิ่งกระแสบ้านแฝดขณะนี้แรง เพรากฎหมายกำหนดให้สามารถทำได้บนพื้นที่ต่ำกว่า 50 ตารางวา ทำให้ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้”นายสมนึก กล่าว

 

นายสมนึก กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทฯยังให้ความสนใจร่วมทุนกับพันธมิตรชาวต่างชาติเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการเจรจาหลายราย โดยให้ความสนใจพันธมิตรในประเทศแถบเอเชียมากกว่า อาทิ ญี่ปุ่น ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีที่สูง ส่วนจีน มีตลาดที่ใหญ่ ขณะที่สิงคโปร์ โดดเด่นด้านเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งแนวทางการร่วมทุนมองถึงการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุด้วย  โดยไม่จำกัดเซกเมนต์ ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปผลได้

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ 2,700 ล้านบาท จากปี2560 มียอดขาย 2,400 ล่านบาท ยอดรับรู้รายได้1,700 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามียอดรับรู้รายได้ 1,400 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอโอน(Backlog) ประมาณ 200-300 ล้านบาทและมีสินค้าพร้อมขายในปีนี้ 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 3 โครงการ และแนวราบ 3 โครงการ  มีสต็อกบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนปีนี้ประมาณ 600 ล้านบาท