ออลล์ อินสไปร์ฯสบช่องตลาดอสังหาฯภูเก็ตฟื้นตัว ราคาที่ดินพุ่งสูง 150-200 ล้านบาท/ไร่  ผุดโครงการลักชัวรี่“อิมเพรสชั่น ภูเก็ต”มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท ยังไม่เปิดพรีเซลยอดจองห้องเพนท์เฮาส์พุ่งแล้ว 7 ยูนิต มูลค่า 560 ล้านบาท ล่าสุดนายหัวธุรกิจรังนกสนใจซื้อ 3 ยูนิตมูลค่า 150 ล้านบาท คาดทั้งปียอดขายแตะ70% เล็งที่ดินผุดโครงการใหญ่ต่อเนื่อง ตั้งเป้ารับรู้รายได้ปีนี้ 7,000 ล้านบาท

 

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบันว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ ขณะนี้โครงการต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในภูเก็ตโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางลอด โครงการก่อสร้างถนนคู่ขนานถนนเทพกระษัตรี โครงการรถไฟฟ้ารางเบา และโครงการอื่นๆ รวมถึงแผนลงทุนของกลุ่มทุนเอกชน ในขณะที่โครงการระดับลักชัวรีในภูเก็ตกลับมีการเปิดตัวน้อยลงในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มวิลล่าหรูใหม่ๆ ที่หายจากตลาดภูเก็ตไปหลายปีจึงเป็นจังหวะที่อสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ในภูเก็ต และการลงทุนของต่างชาติจะฟื้นตัวอีกครั้ง

 

โดยปัจจัยที่เห็นได้ชัดที่สะท้อนถึงการเติบโตของภาคธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต คือสนามบินภูเก็ต ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น 11.3% มากถึง 8.4 ล้านคน นอกจากจากนี้ปัจจัยในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม คอนโดฯ ก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน รวมถึงปัจจัยด้านการคมนาคม การขนส่งทางบกและทางทะเล สนามบินนานาชาติ ที่จะส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวในอนาคตด้วย

 

 

สำหรับที่ราคาที่ดินในภูเก็ตนับวันราคาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะดีมานด์ทั้งชาวไทยและต่างชาติมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงมีผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันราคาที่ดินย่านป่าตองพุ่งสูงไปถึง 200 ล้านบาท/ไร่ ส่วนย่านอ่าวฉลองราคาก็สูงไม่แพ้กันสูงถึง  150 ล้านบาท/ไร่ ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุด บริษัทฯจึงได้เปิดตัว โครงการ “อิมเพรสชั่น ภูเก็ต” (Impression Phuket ) ตั้งอยู่บริเวณอ่าวฉลอง บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ซึ่งบริษัทฯได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาเมื่อปี2560 ที่ผ่านมา  พัฒนาในรูปแบบของลักชัวรี่ เรสซิเดนซ์ ขนาดตั้งแต่ 113-302.5 ตารางเมตร จำนวน 42 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 25-80 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักลงทุนไฮเอนด์ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยได้เปิดขายในเฟสแรกก่อน ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ขณะนี้มีลูกค้าชาวไทยให้ความสนใจห้องเพนท์เฮาส์แล้ว 7 ยูนิต มูลค่า 560 ล้านบาท จากเพนท์เฮาส์ทั้งหมด 8 ยูนิต  และในช่วงสัปดาห์นี้จะมีลูกค้าคนไทย ที่ดำเนินธุรกิจสัมปทานรังนก สนใจซื้อ 3 ยูนิต มูลค่า 150 ล้านบาท ส่วนเฟสที่2 คาดว่าจะเปิดขายในช่วงไฮ ซีซั่น ปลายปี2561 นี้ คาดว่าในปีนี้จะสามารถสร้างยอดจองได้กว่า 70% ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการในเดือนกันยายน 2561 และจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2562 นี้

 

 

และมีแผนที่จะนำเชนระดับอินเตอร์เนชั่นแนล เข้ามาบริหารงานด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวถือว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนที่สุดบนอ่าวฉลอง โดยผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเหมือนเป็นเจ้าของโครงการ (Freehold ) ด้วยการลงทุนในระยะยาวที่มีผลตอบแทนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นจุดแข็งของโครงการ และในปีนี้ทำเลดังกล่าวจะมีโรงแรมเปิดใหม่อีกอย่างน้อย 4 แห่ง ซึ่งบริหารโดยเชนระดับอินเตอร์ฯทั้งสิ้น แต่ที่ดินเป็นการเช่าระยะยาว(Lease hold) ซึ่งภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 77% นอกจากนี้มูลค่าอสังหาฯและที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดเฉลี่ยอยู่ที่3-5% ต่อปี  ซึ่งจะเห็นว่าศักยภาพของโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะกับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“ที่ดินในภูเก็ตหากอยู่ติดชายหาดก็เปรียบเสมือนที่ดินติดแนวรถไฟฟ้าในย่านซีบีดี แต่พบว่าพื้นที่ 40%ในภูเก็ตจะเป็นป่าสงวน ส่วนอีก 60% สามารถสร้างที่อยู่อาศัยได้ แต่ส่วนใหญ่จะพัฒนาเป็นโรงแรมมากกว่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว สำหรับบริษัทนั้นมีแผนจะพัฒนาโครงการที่ภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้กำลังพิจารณาที่ดินอีก 2-3 แปลง พื้นที่ประมาณ 6-7 ไร่ เพื่อรองรับขนาดโครงการที่ใหญ่ขึ้น” นายธนากร กล่าว

 

ทั้งนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้ารับรู้รายได้ปีนี้ไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท