แอล.พี.เอ็น.ฯเผยหลังขึ้นแท่นกุมบังเหียน อดีตซีอีโอลงพื้นที่คุมงานก่อสร้างโครงการพรีเมี่ยมเอง เดินหน้ารุกอสังหาฯตลาดกลาง-บน  ดันรายได้เพิ่มหลังลดฮวบมา 2 ปี เปิดแผนปี61 จ่อผุด 12 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 18,000 ล้านบาท คาดปีนี้รายได้รวมแตะ 20,000 ล้านบาท

 

 

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)   หรือ LPN เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข  เมื่อวันที่11 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา โดยนายทิฆัมพร นั้นตั้งใจจะกลับลงมาลุยและคุมงานก่อสร้างโครงการ โดยเฉพาะโครงการระดับพรีเมี่ยมเองอย่างเต็มตัว ในรอบ 29 ปี เพื่อหวังดันยอดรายได้ให้เพิ่มขึ้น จากปี2559-2560 ที่ยอดรับรู้รายได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องจาก 14,000 ล้านบาท เหลือ 9,600  ล้านบาท  จึงเป็นเหตุให้LPN ปรับแผนหันมาเจาะตลาดกลาง-บนมากขึ้น

 

 

“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับผลกระทบจากกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มระดับกลาง-ล่าง มีปัญหาหนี้ทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อได้ ถูกปฏิเสธสินเชื่อถึง 50%  ทำสินค้าค้างสต๊อกถึง 14,000 ล้านบาท หรือประมาณ 13,000 ยูนิต จากปกติ มีประมาณ 3,000 ยูนิต  ส่งผลให้ในปี 2560 ต้องชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ไปหลายโครงการ ทำให้การเปิดตัวในตลาดรวมลดลงไปด้วยประมาณปีละ 10,000 หน่วย  ทำให้ขณะนี้ยังมีสต๊อกที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทเหลืออยู่ ซึ่งถือว่าได้เปรียบเพราะตลาดไม่มีสินค้าทำให้ในปีที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้ 7,000 ล้านบาท หรือ 50%ของสต๊อกที่มีรายได้ตกจากปี 2558 และการที่จะดึงรายได้กลับมาต้องใช้ระยะเวลา 3 ปี โดยในปีที่ผ่านมายอดพรีเซลกลับไปที่ 16,000  ล้านบาท ส่วนในปีนี้จะมาเร่งการเติบโตของรายได้ 35-40%”

 

สำหรับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีนับจากนี้จะมาจาก 3 ส่วนคือ 1.ขยายฐานรายได้มากขึ้นจาก ธุรกิจหลักสู่ระดับบน คือการพัฒนาคอนโดฯและบ้านจัดสรร,เพิ่มรายได้จากากรบริการด้านธุรกิจอสังหาฯ,เพิ่มรายได้จากค่าเช่า 100% จาก 100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็น 200 ล้านบาทในปีนี้

 

2.การขยายฐานรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และ3.การเพิ่มการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น การร่วมทุนกับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อย่างโครงการ “กมลาซีเนียร์ ลิฟวิ่ง” เป็นต้น

 

 

สำหรับในปี 2561 นี้บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 12 โครงการ รวมมูลค่า 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 10 โครงการ และแนวราบ 2 โครงการ หนึ่งในจำนวนนี้คือ โครงการ “บ้าน 365” ซึ่งเป็นแบรนด์แนวราบ ระดับพรีเมี่ยม ตั้งอยู่ย่านพระราม 3 บนพื้นที่ 20 ไร่ ประกอบด้วยทาวน์โฮม ระดับราคา 18-20 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป รวม 99   ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในปลายไตรมาส 3

 

อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่บริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท มีกรรมการใหม่เข้ามาคือ นายเกริก  วณิกกุล มานั่งตำแหน่งถือว่าเป็นเกียรติกับองค์กร รวมทั้งได้มีการดันบุคลากรเก่า 8 คนขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร และอีก2 คนใหม่มาช่วยเสริมทีมด้านกลยุทธ์และด้านการเงิน คาดว่าจะเข้ามาร่วมงานเต็มทีมในวันที่ 10 เมษายน 2561 นี้

 

โดยในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เติบโต 12% โดยแบ่งเป็นประเภทอาคารชุดพักอาศัย 17,000 ล้านบาท และประเภทบ้าน  3,000  ล้านบาท  ขณะที่เป้ารายได้จากการขายอยู่ที่ 12,000  ล้านบาท เติบโต 38% แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 10,500 ล้านบาท และ   ประเภทบ้าน 1,500 ล้านบาท  นอกจากนี้  บริษัทยังกำหนดเป้าหมายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 15,000  ล้านบาท และประเภทบ้าน  3,000 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ในปี 2561 ในมืออยู่ประมาณ 5,900 ล้านบาท        คิดเป็น 50 % ของเป้ารายได้รวม ณ สิ้นปี 2560 มียอด Backlog รวมมูลค่า 7,400 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี2563 ยอดขายและรายได้จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง