ทีโอเอฯ เผยภาพรวมตลาดสีทาอาคารปีจอโต 20,000 ล้านบาท เชื่อEEC ส่งอานิสงส์ธุรกิจสีหลังการก่อสร้างเสร็จ คาดปีนี้โรงงาน 3 แห่งจาก 3 ประเทศแล้วเสร็จ รวมกำลังผลิต 14.5 ล้านแกลลอน/ปี ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “Love Renovation” ดึง “กันต์ กันตถาวร” เป็นพรีเซ็นเตอร์ มั่นใจดันรายได้ตามเป้า 15%

 

 

นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือTOA เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดสีทาอาคารในปี2561 ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี2560 ที่ตลาดชะลอตัวไปเล็กน้อย ดังนั้นคาดว่าในปีนี้มูลค่ารวมตลาดสีทาอาคารจะขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท จากปี 2559 อยู่ที่ 19,200 ล้านบาท โดยปัจจุบันทีโอเอฯถือเป็นผู้นำตลาดสีทาอาคารในภูมิภาคอาเซียน ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในไทยสูงสุดถึง 48.7% จากกมูลค่ารวมกว่า 19,200 ล้านบาท

 

ส่วนแผนการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นด้านระบบสาธารณูปโภค และการลงทุนเข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดการสร้างที่อยู่อาศัย การบริโภคที่จะตามมา ซึ่งจะเป็นผลดีกับตลาดวัสดุก่อสร้างทั้งระบบ และตลาดสีก็จะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลาตามการก่อสร้างของอุตสาหกรรมต่างด้วย

 

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯจะรุกการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวโรงงานใหม่ได้แก่ที่โรงงานที่ประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิต 7.7 ล้านแกลลอน/ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน2561 นี้ ,โรงงานที่ประเทศเมียนมา มีกำลังผลิต 4 แกลลอน/ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2561 และโรงงานที่ประเทศกัมพูชา มีกำลังการผลิต 3 ล้านแกลลอน/ปี รวมกำลังการผลิตทั้ง 3 ประเทศรวม 14.7 ล้านแกลลอน/ปี  ซึ่งจะทำให้ในระยะเวลา 3-5ปี บริษัทมีกำลังการผลิตสีทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 102 ล้านแกลลอน/ปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวมในประเทศไทยที่ 88 ล้านแกลลอน/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนกำลังการผลิตจากต่างประเทศ 28% และในประเทศ 72% จากปัจจุบันอยู่ที่สัดส่วน 14:86

 

ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “Love Renovation” ชวนคู่รักทุกเพศ ทุกวัย ร่วมกิจกรรม “แต่งก่อนอยู่” ปลุกกระแสคู่รักให้ตื่นตัว และหันมาสนใจการตกแต่งที่อยู่อาศัย อาทิ เรือนหอ ให้มีความพร้อมก่อนถึงวันสำคัญในการเริ่มต้นชีวิตคู่ รวมถึงคู่รักปัจจุบันหรือ ครอบครัวก็สามารถตกแต่ง ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งได้ เพราะที่อยู่อาศัยถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ ในลำดับแรกๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร หรือ อาคารชุด อย่างคอนโดมิเนียม โดยเน้นเรื่องทำเลที่ตั้งและงบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น อาจทำให้ตัดสินใจซื้อโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะสีทาบ้าน ถือเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านมักมองข้าม  และพอเวลาเข้าไปอาศัยอยู่จริง จึงมักพบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง เช่น ปัญหาสีลอกล่อน เป็นคราบสกปรกง่าย อันเนื่องมาจากสาเหตุมาจากการใช้สีทาบ้านเกรดคุณภาพต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน หรือการทาไม่ถูกวิธีครบขั้นตอน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการทาสีบ้านซ้ำใหม่ (Repaint) อยู่เสมอ

 

ดังนั้น หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีเกรดคุณภาพสูงสุดจากทีโอเอ อย่าง สีซุปเปอร์ชิลด์ (SuperShield) ซึ่งเป็นสีน้ำอะคริลิกแท้ 100% ที่มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยี Ti-Pure ไทเทเนียม 3 ชั้น ช่วยกันร้อน กันล่อน กันคราบดีเยี่ยม และมีความคงทน คุ้มค่า ยาวนานถึง 15 ปี               ซึ่งถ้าเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับการทาสีเกรดมาตรฐานทั่วไป ภายในระยะเวลา 15 ปี จะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 38,500 บาท โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นและเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% ของยอดขายผลิตภัณฑ์สีซุปเปอร์ชิลด์

 

“ในธุรกิจสีในประเทศ ทีโอเอเป็นผู้นำและมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 50% โดยสัดส่วนยอดขายหลักมาจากในไทยประมาณ 87.7% ซึ่งสีทาอาคารเป็นตลาดหลักของทีโอเอ มียอดขายสูงสุด 68% และสินค้าสีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ( Non-Decorative Paint & Coating Products ) ประมาณ 28% ช่องทางการจำหน่ายหลักร้านค้า 73% โมเดอร์นเทรด 15.1% และขายตรง (เน้นผู้รับเหมารายใหญ่ นักพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่) อีก 11.6%”นายพงษ์เชิด กล่าว

 

ทั้งนี้จากผลสำรวจโดย Frost & Sullivan พบโอกาสการเติบโตของตลาดบ้านเก่า          ที่ผู้บริโภคจะหันมาทาสีซ้ำใหม่ (Repaint)  มีสัดส่วนสูงถึงประมาณร้อยละ 80 เพราะปัจจุบันผู้บริโภคจะทาสีบ้านซ้ำใหม่ ในช่วงวงจรระยะเวลาที่เร็วขึ้น ประมาณ 5 – 7 ปี ต่อครั้ง สอดคล้องกับตัวอย่างผลสำรวจโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เกี่ยวกับจำนวนที่อยู่อาศัยเก่า 6 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2550 – 2555 ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และแนวสูง ได้แก่อาคารชุด คอนโดมิเนียม พบว่ามีจำนวนรวมกว่า 565,000 หน่วย ซึ่งสามารถคิดเป็นจำนวนบ้านเก่าที่มีโอกาสจะทาสีซ้ำใหม่ ประมาณ 135,170 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าของค่าสีกว่า 7,680 ล้านบาท

 

โดยคู่รักที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ลุ้นรับทาสีบ้านฟรี สามารถร่วมสนุกได้โดยการลงทะเบียนผ่านทางเฟซบุ๊ก toapaint และตอบคำถามว่า เหตุผลใดที่ทำให้ความรักของคุณยังคงมีกันและกัน โดยคำตอบที่โดนใจที่สุด จะได้รับการตกแต่งโดยการทาสีภายในฟรี จำนวน 1 รางวัล  และคำตอบที่ได้รับการคัดเลือกอีก 10 รางวัล จะได้รับผลิตภัณท์สีทาบ้านซุปเปอร์ชิลด์ฟรี มูลค่า 5,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 100,000 บาท ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว “กันต์ กันตถาวร” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์“สีสารพัดกัน” อย่างเป็นทางการอีกด้วย