เวทีเสวนาปรับบ้านปรุงเมือง ชี้ชัดประเทศต้องเร่งแผนพัฒนาประเทศที่เป็นรูปธรรม แนะรัฐผลักดันอีอีซีนำร่องการพัฒนา “อุตตม”เผยล่าสุดพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกผ่านสนช.วาระ3 พร้อมเดินหน้าเต็มที่ รัฐเร่งผลักดัน 5 เมกะโปรเจกต์ ชี้นำการพัฒนาเข้าพื้นที่ภาคตะวันออก

 

สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดเวทีสัมมนา ASA Real Estate Forum 2018 ภายใต้แนวคิด “ปรับบ้าน ปรุงเมือง” ร่วมมือกับบริษัท อัลติเมท พร๊อพเพอร์ตี้ อินไซท์ โดยระดมผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาด้านต่างๆ มาอัพเดทความคืบหน้าการพัฒนาเพื่อนำประเทศให้พร้อมสู่การแข่งขัน โดยหัวข้อแรกกล่าวถึง ประเทศไทยขั้วเศรษฐกิจใหม่ของโลกว่าไทยต้องมีจุดยืนและเตรียมพร้อมสาธารณูปโภคเพื่อการแข่งขันกับนานาประเทศได้

 

โดยมีดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานคณะกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ในฐานะประธานการเปิดงาน เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการพัฒนา ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจหลายอย่างเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น มีความพร้อมสู่การปรับเปลี่ยนและแก้ปัญหา หากดูจากตัวเลขการส่งออกปี 2560 พบว่าเติบโตถึง 10% และดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมสูงถึง 90 ซึ่งสูงสุดใน 35 เดือน นอกจากนี้ยังมีEEC ซึ่งมีความคืบหน้าชัดเจน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้ผ่านการพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก วาระ 3 จะทำให้การพัฒนาEEC เดินหน้าและมีหมวดหมู่การพัฒนาที่ชัดเจน ซึ่งโครงการนี้เน้นพัฒนาส่งเสริมจากของเดิมที่อยู่ในพื้นที่ ทำให้ต่อยอดการพัฒนาได้เป็นอย่างดี ซึ่งการพัฒนาจะต้องมีกองทุนEEC เข้ามาดูแลการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องสาธารณสุข การศึกษา โดยต้องดูแลภายใต้กฎหมายการพัฒนาพื้นที่

 

“โลกวันนี้มันเปลี่ยนไปมาก ประเทศไทยจำเป็นต้องวางแผนและมีโครงการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม จึงจะมีขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะว่าทุกวันนี้ประเทศต้องวางแนวทางการพัฒนาด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่ขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ถ้าเราตามไม่ทันหรือไม่มีเทคโนโลยีต้นทุนประเทศจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้ เป็นความท้าทายเราจะตกขอบหรือจะเป็นหนึ่งในนั้น และสิ่งที่ประเทศไทยเป็นอยู่ขณะนี้ แม้จะมีการเติบโตแต่ก็เป็นการเติบโตแบบเปรี้ยๆ เพราะเรามีปัญหาที่สะสมมานานเป็นตัวบั่นทอน”ดร.อุตตม กล่าว

 

ดังนั้นการพัฒนาในปัจจุบันนี้ ต้องกำหนดแผนชัดเจนว่า ต้องการไปจุดไหนรู้ว่าจะไปอย่างไร ต้องมีโรดแมพที่ชัดเจน ต้องรู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรต้องเลือกและต้องทำร่วมกัน ประสานช่วยกันเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แก้ปัญหาสะสมมานาน วางรากฐานแก้ปัญหาและร่วมกันผักดันประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 เป็นโรดแมพที่ลงปฏิบัติในแต่ละเรื่องให้จับต้องได้

 

โดยการพัฒนาต้องเดินหน้าอย่างทั่วถึง แม้เศรษฐกิจปากท้องดีค้าขายได้รายได้ดี แต่ถ้าเกษตรกรยังลำบากการจะปรับบ้านปรุงเมืองก็ทำไม่ได้เมื่อปัญหายังกระจุกตัว ก็ต้องวางแผนพัฒนาและแก้ปัญหาไปด้วยพร้อมๆ กัน โครงการพัฒนาEEC จึงมี 5 โครงการพื้นฐานส่งเสริมการพัฒนาให้เห็นเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ซึ่งก็จะเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) ที่ลดระยะเวลาให้เหลือ 10 เดือน ทำให้ปีนี้มีการขับเคลื่อนEEC ที่ชัดเจนช่วยกันคิดสร้างสิ่งใหม่ๆในEEC ต่อยอดพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดเฟส2