แสนสิริฯรุกแผนตลาดชูกลยุทธ์ Personalized CRM ตอบโจทย์ลูกค้าในระดับบุคคลครั้งแรกในไทย นำร่องผ่านการเปิดตัว “Siri Priority” พลิกโฉมสู่ผู้ให้บริการด้านอยู่อาศัย-ลงทุนอสังหาฯครบวงจรแห่งแรก ระบุลูกค้าต้องถือพอร์ตตั้งแต่ 80ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับการดูแลพิเศษ5คนต่อทีม1คน หวังสร้างความต่างยุคการแข่งขันสูง

 


นายสมัชชา พรหมศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและดิจิตอลมาร์เก็ตติง บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ SIRI
เปิดเผยว่าปัจจุบันเทคโนโลยีที่เข้ามา ทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น และบริษัทมองเห็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการสามารถตอบโจทย์ได้ และพบว่าปัจจุบันความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมีความแตกต่างกันมากขึ้นและยังเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์ Personalized CRM ที่เพิ่มมิติด้านการบริการเจาะลึกไปยังความต้องการในระดับบุคคล ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ ของแสนสิริที่ไม่เคยหยุดนิ่ง โดยนำร่องด้วย “Siri Priority” ที่มุ่งตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งการอยู่อาศัย และการลงทุน ด้วยไฮไลท์การบริการผู้ช่วยบริหารอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว หรือ RM (Relationship Manager) เป็นครั้งแรกในวงการอสังหาฯไทย เพื่อผลักดันแสนสิริสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร

 

โดย“Siri Priority” เป็นโปรแกรมเฉพาะสำหรับการดูแลลูกค้าที่มีศักยภาพสูง เพื่อการอยู่อาศัย และการลงทุนต่อยอดในอนาคต รวมถึงลูกค้าที่ซื้อโครงการแฟลกชิพของแสนสิริ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สร้างสรรค์เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ให้สมบูรณ์แบบ” (Enrich your experience) ผนวกด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร (Property Investment Consultant) โดยลูกค้ากลุ่มนี้มีทั้งผู้ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยรวมถึงเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาฯ ไทยที่มีบริการเจาะกลุ่มลูกค้านักลงทุนโดยเฉพาะ ซึ่งแสนสิริได้ออกแบบการบริการโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและลักษณะการลงทุนในอสังหาฯ หนึ่งในไฮไลท์การบริการของ Siri Priority คือ RM (Relationship Manager) ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวแนะนำและดูแลการบริหารอสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าเป็นรายบุคคล โดย RM พร้อมให้คำปรึกษาอย่างเจาะลึก เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ทั้งยังนำเสนอข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอ้างอิงจากสถิติหรืองานวิจัยเกี่ยวกับอสังหาฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน พร้อมอัพเดทข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดการลงทุนที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังให้บริการเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ อีกด้วย

 

 

“ที่ผ่านมาเราเห็นแนวโน้มว่าลูกค้าเริ่มหันมาลงทุนในอสังหาฯมากขึ้น แสนสิริจึงได้ออกแบบ Siri Priority เพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่มักเป็นนักธุรกิจหรือประกอบกิจการส่วนตัว ลักษณะการดำเนินธุรกิจของพวกเขาอาจจะรัดตัวหรือมีการเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจที่ต่างประเทศอยู่บ่อยๆ  แสนสิริจึงจัดสรรบริการจาก RM ครั้งแรกในไทย เปรียบเสมือนผู้ช่วยที่พร้อมให้บริการรอบด้าน พร้อมมอบการบริการแก่ลูกค้าแบบตรงจุดเฉพาะบุคคล เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าผ่านการบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟและความรู้ความเชี่ยวชาญที่ครบครัน ครอบคลุมในแง่การอยู่อาศัยและการลงทุน ซึ่งจากการเปิดตัว Siri Priority แก่ลูกค้าไปเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้รอบด้านทั้งความสะดวก รวดเร็ว สอดรับกับการดำเนินชีวิตในยุคดิจิทัล หรือในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารอสังหาฯ พร้อมมอบการลงทุนต่อยอดที่ตรงจุดยิ่งขึ้น”นายสมัชชา กล่าว

 

นายสมัชชา กล่าวว่ากลุ่มนักลงทุนยังมีความสำคัญของตลาดอสังหาฯโดยทำเลที่ดีที่สุดที่น่าลงทุนในขณะนี้ คือสุขุมวิทตอนต้น รวมไปถึงทำเลอโศกและทองหล่อ ที่สามารถซื้อคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่าและสามารถทำผลกำไรได้ดี โดยลูกค้าที่จะได้รับการบริการจากทีม Siri Priority จะต้องเป็นลูกค้าที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์โครงการของแสนสิริ มูลค่าตั้งแต่ 80 ล้านบาทขึ้นไป จึงจะได้รับการดูแลจากบริการดังกล่าว โดยในช่วง6-7 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าประมาณ 150-160 ราย อายุตั้งแต่27 ปีขึ้นไป มีพอร์ตรวมมูลค่า 20,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนซื้อคอนโดฯในกรุงเทพฯ,ภูเก็ตและหัวหิน สัดส่วน90% และบ้านเดี่ยว 10% โดยลูกค้าที่มีพอร์ตสูงสุดอยู่ที่มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นลูกค้าของแสนสิริมา 17 ปี ทั้งนี้นักลงทุนถ้าซื้อเพื่อปล่อยเช่าส่วนใหญ่จะซื้อยูนิตขนาด 1 ห้องนอน แต่หากซื้อเพื่ออยู่อาศัยนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า โดยทีมSiri Priority 1 คน จะดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดประมาณ 5 คน ซึ่การที่ทำกิจกรรมดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มดังกล่าวและสร้างความแตกต่างในยุคที่มีการแข่งขันสูง

 

นอกจาก Siri Priority แล้ว แสนสิริต่อยอดกลยุทธ์ Personalized CRM ที่หลากหลายเพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มผ่าน ”แสนสิริ แฟมิลี่” (Sansiri Family) สังคมอบอุ่นที่แสนสิริมอบให้ลูกค้าทุกคนมากว่า 35 ปีเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกแง่มุมไม่ได้จำกัดแค่การอยู่อาศัย โดยในปีนี้มีปรับโฉมแสนสิริ แฟมิลี่เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ให้ลูกบ้านกว่า 70,000 ครัวเรือน ผ่าน 2 ทิศทางดังนี้

 

1.รุกต่อยอดด้านดิจิทัลผ่านการเปิดตัว eCRM ครั้งแรก เป็นการยกระดับกลยุทธ์ Personalized CRM สู่แพลตฟอร์มดิจิทัลโดยผนวกรวมกับ Home Service Application ทำให้สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ซึ่ง eCRM จะรวบรวมสิทธิพิเศษและระบบบริหารจัดการที่อยู่อาศัยไว้อย่างครบวงจร สร้างความประทับใจตั้งแต่ Touch point แรกของลูกค้า รวมถึงมีการคัดสรรสิทธิพิเศษอื่นๆ บนพื้นฐานของความต้องการเฉพาะ (Personalized) ของลูกบ้านแต่ละท่าน เพื่อให้ลูกบ้านได้รับข้อมูล บริการ และสิทธิพิเศษที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด รวมถึงทำให้แสนสิริสามารถจัดเก็บ database หรือนำข้อเสนอแนะจากลูกบ้านมาพัฒนาต่อยอดฟังก์ชันใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย โดยพร้อมเปิดใช้งาน eCRM เต็มรูปแบบในเดือนมีนาคม 2561

 

2. รุกเติมเต็มในด้านไลฟ์สไตล์ โดยยึด 4 แกนสำคัญ ดังนี้
– Global connected/partnership – จากการมุ่งเสาะหาพันธมิตรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ Monocle, JustCo, The Standard ฯลฯ เพื่อมอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์อย่างครบครันที่มากกว่าแค่การอยู่อาศัย ลูกค้าแสนสิริจะได้สัมผัสกิจกรรมพิเศษและได้สิทธิพิเศษที่น่าสนใจจากพันธมิตรเหล่านี้ เช่น สิทธิพิเศษสำหรับการจองห้อง Co-working space ที่ JustCo ทั้งในไทยและสิงคโปร์, ส่วนลดสำหรับการ Subscribe ข่าวสารและนิตยสาร Monocle ฯลฯ

 

– Differentiate from others – จากการศึกษาความต้องการและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน แสนสิริมอบอภิสิทธ์เหนือระดับที่แตกต่างไม่เหมือนใครให้แก่ลูกค้า โดยนำร่องเปิดตัวไลฟ์สไตล์ ลิฟวิ่ง คอมมูนิตี้ (Lifestyle Living Community) บนแพลตฟอร์มดิจิทัล คือ Sansiri Urban Vibes  ไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตี้บน IG ซึ่งจะเป็นกูรูหรือบัทเลอร์ส่วนตัว ที่จะมาแนะนำอัพเดตสถานที่แฮงค์เอ้าท์และไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครในย่าน ทองหล่อ-เอกมัย พร้อมมอบประสบการณ์และสิทธิประโยชน์สำหรับลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ  ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะขยับขยายไปที่พื้นที่อื่นๆ โดยแต่ละพื้นที่จะมีการออกแบบกิจกรรมและคอนเท้นต์ที่สอดรับกับความต้องการของลูกบ้านในบริเวณนั้น

 

– Beyond expectation –มอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกบ้านแสนสิริในทุกๆ เดือน กับกิจกรรมและของสมนาคุณพิเศษจากพันธมิตรของแสนสิริซึ่งเป็นแบรนด์แนวหน้าในแขนงต่างๆ โดยผ่านทางช่องทางใหม่ โดยเฉพาะ Home Service Application โดยลูกบ้านสามารถเลือกความสนใจได้จากหมวดหมู่มากมาย เพื่อความต้องการที่ตรงจุดมากขึ้น

 

– Access the Inaccessible – เติมเต็มทุกมิติในการใช้ชีวิตของลูกบ้านผ่านประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น การจัด lifestyle event ที่หยิบยกเอาเทรนด์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจทั่วโลกมาจัดเป็นอีเวนท์พิเศษสำหรับลูกบ้านแสนสิริทุกคนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด เพราะแสนสิริให้ความสำคัญกับลูกบ้านทุกท่านไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

 

“เป้าหมายของแสนสิริไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่เรามุ่งเติมเต็มทุกประสบการณ์ในการใช้ชีวิตของทุกคน ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าลูกบ้านมีความต้องการที่เฉพาะตัวและหลากหลายมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาโครงการหรือการบริการจึงไม่สามารถทำแบบ One Size Fits All ได้อีกต่อไป กลยุทธ์ Personalized CRM ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของแสนสิริที่ทำให้เรามอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ตรงจุดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนผ่าน Siri Priority และกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ผ่าน Sansiri Family ซึ่งในอนาคตจะมีการต่อยอดให้สอดรับความต้องการของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้งและมุ่งเน้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์และสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกบ้านเราทุกคนได้อย่างรอบด้าน” นายสมัชชา กล่าวในที่สุด