กลุ่มเอ็มทีดีเผยอสังหาฯลอนดอนปี64 โตสูงถึง 16.7% เหตุกฎหมายเอื้อนักลงทุนถือครองยาว 999 ปี พบคนไทยส่งบุตรหลานเรียนสหราชอาณาจักรติดอันดับ7 มั่นใจซื้อลงทุนคุ้มค่า ผลตอบแทนดี  ล่าสุดนำ”เซาธ์ ทาวเวอร์ แอท วัน คราวน์ เพลส” เปิดขายเศรษฐีไทยรอบพิเศษ 10-11 มี.ค.นี้ ประกาศฟันยอดขายจากภูมิภาคเอเชีย 30-50 ยูนิต ด้านJLLคาดปี 61 การลงทุนซื้อขายอสังหาฯในอังกฤษมีมูลค่ารวม 55,000 ล้านปอนด์  เชื่อเลิกมาตรการยกเว้นภาษีกำไรส่งผลกระทบระยะสั้น
 

 

 

นายเฮนรี่ โรบินสัน กรรมการบริหารและผู้พัฒนาโครงการวัน คราวน์ เพลสกลุ่มบริษัทอัลลอย เอ็มทีดี กลุ่มบริษัทด้านงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ งานวิศวกรรมและงานก่อสร้าง ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยถึงผลสำรวจและวิจัยของ บริษัท ซีบีอาร์อี ริชาร์ด (ประเทศไทย) หรือ ซีบีอาร์อี ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมีการเติบโตของเงินทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16.7% ภายในปี 2564 กฎหมายของสหราชอาณาจักรทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ง่าย การถือครองกรรมสิทธิ์แบบเช่าซื้อ ที่มีระยะเวลายาวนานถึง 999 ปี

 

“ปัจจุบันนักลงทุนไทยจะมีโอกาสได้รับผลกำไรจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน โดยเฉพาะผู้ที่ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งจากผลสำรวจที่ผ่านมา นักเรียนไทยเป็นนักเรียนชาวต่างชาติที่เข้ามาศึกษาในสหราชอาณาจักรมากเป็นอันดับที่ 7 จากทั่วโลก และมักใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 4 หรือ 5 ปี ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจ ในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มค่ากว่าการเช่าห้องพัก นอกจากนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นจะยังสามารถได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตอย่างยั่งยืนของเงินทุนระยะยาว”นายเฮนรี่ กล่าว

 

สำหรับโครงการ “วัน คราวน์ เพลส” เป็นโครงการมิกซ์ยูส บนถนน ซันสตรีท กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประกอบไปด้วย อพาร์ตเมนต์ที่อยู่อาศัย จำนวน 246 ยูนิต โรงแรมบูติคระดับ 5 ดาว พื้นที่อาคารสำนักงาน ขนาด 190,000 ตารางเมตร พื้นที่ร้านค้า 650 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 39.5 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 2563 ล่าสุดเตรียมเปิดขาย”เซาธ์ ทาวเวอร์ แอท วัน คราวน์ เพลส”เป็นคอนโดมิเนียม เจาะกลุ่มนักลงทุนไทย ซึ่งจะเปิดขายรอบพิเศษในวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 นี้ และมีแผนเปิดขายในภูมิภาคเอเชียต่อเนื่อง เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น โดยคาดว่าจะมียอดขายจากภูมิภาคเอเชียที่ประมาณ 30-50 ยูนิต

 

ด้านบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือJLL มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2561 นี้ การลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษจะมีมูลค่ารวมประมาณ 55,00 ล้านปอนด์ และให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ 6.4% โดยเฉพาะลอนดอน จะยังคงเป็นตลาดการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความสนใจสูงจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากเป็นตลาดที่การซื้อขายคล่อง มีอสังหาริมทรัพย์เสนอขาย และมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในขณะนี้ ยังให้ผลตอบแทนการลงทุนสูง และค่าเงินปอนด์ยังอ่อน

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่นักลงทุนเอเชียชะลอการซื้อในช่วงที่อังกฤษมีการลงมติถอนตัวออกจากอียู คาดว่าจะกลับเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นและเกาหลี เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏให้เห็นแล้วว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์อังกฤษรับมือกับสถานการณ์ได้ดี นอกจากนี้ อสังหาริมทรัพย์ในประเทศเป้าหมายลงทุนอื่นๆ ของโลกมีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น

 

แต่ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษปีนี้ คือ การประกาศยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจ/พาณิชย์ในอังกฤษโดยนักลงทุนต่างชาติ แต่ JLL เชื่อว่า การยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดในระยะยาว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว สอดรับกับแนวปฏิบัติในประเทศพัฒนาแล้ว

 

ปี 2561 จะยังคงเป็นปีแห่งความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกปีหนึ่งสำหรับอังกฤษ โดยบริษัทและองค์กรต่างๆ ในอังกฤษจะต้องเริ่มตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของตนเองแล้วเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากอียู อย่างไรก็ดี คาดว่า จีดีพีของอังกฤษในปีนี้จะขยายตัวได้ราว 1.5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และสูงกว่าที่เคยมีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการลงมติถอนตัวจากอียู โดยคาดว่าภาวะเงินเฟ้อจะลดลง อัตราการว่าจ้างงานจะยังคงอยู่ในอัตราแข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยคงที่

 

เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ JLL ได้สำรวจความคิดเห็นคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์เกือบ 400 คนในงานที่จัดขึ้นที่ลอนดอน เกี่ยวกับประมาณการผลตอบแทนการลงทุนจากอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษปีนี้ ราว 60% ของผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น เชื่อว่า น่าจะอยู่ที่ 4.0%-8.0% ใกล้เคียงกับการประมาณการของเจแอลแอลที่ 6.4%