“ยูนิเวนเจอร์”เผยผลประกอบการปี’60  รายได้รวมกว่า 13,700 ล้านบาท เติบโต 9% จากช่วงเดียวกันของปี 2559   พร้อมตั้งเป้าปีนี้รายได้ทะลุ 23,800 ล้านบาท  พร้อมรุกเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ประจำปีงบประมาณ 2560 (ปรับเปลี่ยนปีงบประมาณจากเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม         ถึงวันที่ 31 ธันวาคม เป็น วันที่ 1 ตุลาคม ถึง วันที่ 30 กันยายน ของทุกปี โดยได้รับอนุมัติจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 38/2560 ในวันที่ 26 เมษายน 2560) ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 13,741   ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก ดังนี้ ธุรกิจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 12,212 ล้านบาท คิดเป็น 89%   ของรายได้รวม ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ 182 ล้านบาท ธุรกิจอื่น(รวมธุรกิจสังกะสีออกไซด์) 1,162 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 838 ล้านบาท

 

ในปีงบประมาณ 2560 รายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งในแนวราบและแนวสูงซึ่งอยู่ในธุรกิจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 8,070 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 2,957 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 4,502 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3,905 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 597 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีงบประมาณ 2561 ทั้งหมด

 

ทั้งนี้ โครงการแนวราบมีรายได้รวม 8,070 ล้านบาท มาจากโครงการของกลุ่มแผ่นดินทอง หรือ Gold จำนวน 37 โครงการ และในปี 2561 บริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่จำนวน 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 39,600 ล้านบาท

 

ส่วนโครงการแนวสูง มีรายได้รวม 2,957 ล้านบาท จาก 8 โครงการ ของ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY และในปี 2561 บริษัทฯ วางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกส่วนมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและธุรกิจโรงแรม ซึ่งมีรายได้ 1,185 ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น 1,162   ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ทั้งหมด

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 นั้นนายวรวรรต กล่าวว่าบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายตั้งไว้ที่ 36,600 ล้านบาท และ ตั้งเป้ารายได้หลักอยู่ที่ 23,800 ล้านบาท   โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% ทั้งนี้มาจากโครงการแนวราบประมาณ 65% และมาจากโครงการแนวสูงประมาณ 20% รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรมประมาณ 5% ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 3% และธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ประมาณ 7% ส่วนยอดขายตั้งไว้ที่ 36,600 ล้านบาท

ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในปี 2561 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งตลอดทั้งภาพรวม เพื่อประสิทธิภาพและความพร้อมในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน (Towards Sustainable Growth) โดยเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการตามกลยุทธ์หลัก 3 ปี ที่เราให้ความสำคัญ (Core Strategy 2018 – 2020) ทั้ง 5 ส่วน  ดังนี้

 

Optimization” ความหลากหลายที่เรามี เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น การมองความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 Diversification” ไปที่โครงการรูปแบบใหม่ ๆ เช่นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม นอกเหนือจากคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยัง Diversified ต่อไปอีกในเรื่องของการทำ Service ต่าง ๆ พ่วงเข้ามา นอกเหนือจากสินค้าเพื่อขายหรือเช่า ไม่ว่าจะเป็นการมีบริษัทมืออาชีพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ หรือจัดการอสังหาริมทรัพย์ การมีโบรคเกอร์ในการดูแลการปล่อยเช่าหรือการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งครอบคลุมทั้งสินทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ รีเทล หรือการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึงการบริการที่ครอบคลุมทั้งในช่วงการเตรียมการ และระหว่างการก่อสร้างเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

 Supply Chain” เพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งวิเคราะห์และมองหาโอกาสที่ใช่ตลอดทั้งระยะทาง บนพื้นฐานสำคัญของ Entry Point และ   Exit Point ที่เหมาะสม

 

Synergy” ธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งบริษัทที่บริหารจัดการดูแลการก่อสร้าง บริษัทที่ขายงานระบบเข้าโครงการ และบริษัทที่คิดคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ เช่น งานบางส่วนไปที่บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด และสามารถจัดหาวัสดุอุปกรณ์เข้ามาจากบริษัท ฟอร์เวิร์ด ซิสเต็ม หรือจากบริษัท อะเฮดออล จำกัด (AHEADALL COMPANY LIMITED)

 

และ Opportunistic Investment”    การขับเคลื่อนโอกาส (Opportunity) และพร้อมที่จะรองรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาและนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน