สัมมากรเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯปีจอโต 6-8% ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เตรียมนำที่ดินพัทยาปัดฝุุ่นพัฒนาอีกรอบ อาจเผุดคอนโดฯ-โรงแรม  หวังเจาะตลาดจีน คาดสรุปผลปีนี้ เปิดแผนปี61 เตรียมผุด 3 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 2,340 ล้านบาท ครอบคลุมทุกตลาด ทั้งปรับลุคองค์กรใหม่เพิ่มความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงการออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ พร้อมรุกการสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อดิจิทัลในทุกแพลตฟอร์ม หวังรับมือการแข่งขันที่ดุเดือด และเดินหน้าพัฒนา“สัมมากร เพลส” เป็นแหล่งศูนย์กลางชุมชน

 

 

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ว่าเติบโตกว่าปี2560ที่ผ่านมา 6-8% เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศปีที่ผ่านมาการเติบโตไม่สูงนัก ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าติดลบ 5-6% ในขณะที่ผู้บริโภคมีความต้องการในอสังหาริมทรัพย์แต่ขาดศักยภาพทางการเงิน โดยปี 2561 สัมมากรคาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ซึ่งจะเอื้อให้สัมมากรมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ

 

และการที่ภาครัฐมีความชัดเจนในการและสนับสนุนและลงทุนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)  ประกอบกับพัทยาเริ่มมีชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวและลงทุนอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนที่จะนำที่ดินย่านนาจอมเทียน พัทยา  ใกล้สวนน้ำ Cartoon Network Amazone  พื้นที่ 25 ไร่ ซึ่งซื้อมาจากแลนด์เลดี้เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา  มาศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาใหม่อีกรอบหนึ่ง โดยมอบหมายให้บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)จำกัด  เป็นที่ปรึกษาและหาผู้ร่วมทุนให้ เนื่องจากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ จึงต้องหาผู้ร่วมทุนเพื่อลดความเสี่ยงซึ่งไม่เกี่ยงว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวทางคอลลิเออร์สฯได้เสนอทางเลือกในการพัฒนาไว้ 3 รูปแบบ คือ 1.พัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียม 2. พัฒนาในรูปแบบโรงแรม และ3. พัฒนาในรูปแบบของที่อยู่อาศัย-คอมเมอร์เชียล แต่แนวโน้มอาจจะเป็นการลงทุนใน 2 ส่วนแรกมากกว่าเพราะที่ดินไม่ได้ติดถนนใหญ่จึงเหมาะสมที่จะพัฒนาในรูปแบบของที่พักอาศัยมากกว่า และคงแบ่งการพัฒนาเป็นเฟส ซึ่งแนวโน้มพันธมิตรจะเป็นกลุ่มทุนจากจีนมากกว่า เพราะเป็นกลุ่มที่มาท่องเที่ยวและลงทุนที่พัทยามากที่สุดในขณะนี้ ด้านกลุ่มญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไปลงทุนในทำเลศรีราชามากกว่า

 

ทั้งนี้แผนเดิมที่ดินดังกล่าวบริษัทฯจะพัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวหรือคอนโดมิเนียม เพราะช่วงนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเข้ามาตลาดพัทยาเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานสภาวะเศรษฐกิจยุโรปอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหายไป บริษัทฯจึงชะลอแผนการพัฒนาออกไปก่อน จนกระทั่งปลายปี 2560 ที่ผ่านมา เริ่มเห็นความชัดเจนด้านการลงทุนของภาครัฐในการสนับสนุน EEC ประกอบกับพัทยาเริ่มมีชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวและลงทุนอย่างต่อเนื่อง จึงได้นำที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาใหม่อีกรอบหนึ่ง

 

“เราไม่ได้ปิดโอกาส พร้อมที่จะเปิดรับทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าจะพัฒนาในรูปแบบใด คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี2561นี้ และคาดว่าภายใน 3 ปีจะเห็นโครงการ ซึ่งปัจจุบันราคาที่ดินที่ซื้อมาพุ่งไปประมาณ 1 เท่าตัวแล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการได้มาก”นายกิตติพล กล่าว

 

สำหรับในปี 2561 นี้บริษัทเตรียมเปิดตัวใหม่อีก 3โครงการ ได้แก่ 1.โครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน โฮม ออฟฟิศ 4 ชั้น  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 6.5 ล้านบาท จำนวน 24ยูนิต มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดจากปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้  2.โครงการสัมมากร รังสิต คลอง 7 ขยายเฟสใหม่ ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 3.5-6.0 ล้านบาท จำนวน 288 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,270ล้านบาท โดยวางแผนที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3และ 3.โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์ วงแหวน 2  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 44 ไร่ ราคาต่อยูนิตเฉลี่ย 4.2-5.2 ล้านบาท  จำนวน 196 ยูนิต มูลค่าโครงการ 910 ล้านบาท คาดว่าพร้อมเปิดตัวไตรมาสที่ 3 นี้

 

ส่วนเรื่องแผนการพัฒนาศูนย์การค้าคอมมูนิตี มอลล์ เพียวเพลส ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น สัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี มูลค่าลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งจะร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการในขอนแก่น คือ พิมานกรุ๊ป นั้นคงต้องยกเลิกแผนดังกล่าวออกไป เพราะไม่อยากมีความเสี่ยง เนื่องจากผังเมืองขอนแก่นฉบับใหม่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นผังสีม่วง เพื่อการศึกษาเช่นเดิม หากจะให้เหมาะสมควรที่จะเป็นผังสีม่วงพิเศษหรือผังสีแดง

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้วางแผนปรับลุค “สัมมากร” ใหม่ ให้มีความทันสมัยขึ้น แต่ยังคงจุดเด่นเป็นแบรนด์คุณภาพที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจมานานกว่า 48 ปี การสื่อสารจุดเด่นแบรนด์สัมมากรผ่านสื่อรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะสื่อดิจิทัลในหลากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน ครอบครัวใหม่ และครอบครัวขยาย การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ สัมมากร ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่เป็นองค์รวมทั้งระบบ โดยปรับใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. วัฒนธรรมองค์กรค่านิยมองค์กร ระบบการทำงานของพนักงาน 2.ภาพลักษณ์ของบริษัท ปรับโลโก้ใหม่ การสื่อสารกับลูกค้า ยูนิฟอร์มพนักงาน และ 3. การออกแบบสินค้า ปรับการออกแบบบ้านให้สวยและทันสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงคุณภาพความเป็นสัมมากรไว้ แต่เพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบบ้าน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านที่สัมมากรคิดค้นให้ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งบ้านรูปแบบใหม่ จะพบได้ในโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2561 นี้

 

อีกทั้งบริษัทฯยังได้เปลี่ยนสโลแกนใหม่ จากเดิม “เราไม่เพียงแต่สร้างบ้าน เราสร้างสังคม” เป็น “สัมมากร สร้างจากความเข้าใจชีวิต” สะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ของสัมมากรที่พัฒนามาจากสโลแกนเดิม คือ ความตั้งใจและนโยบายของสัมมากรที่ต้องการให้ลูกบ้านสัมมากรอยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนบ้านที่ดี ช่วยเหลือกัน และอบอุ่น นำไปสู่การพัฒนาให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง ซึ่งจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ระบบการรักษาความปลอดภัย กฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันภายในหมู่บ้าน การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอื่นๆ เพื่อช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนใจให้กับผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ สัมมากร ได้สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ผ่านหนังสั้น 3 ตอน ชื่อ Saturday Life the Series ซึ่งเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเป็นที่เรียบร้อย

 

อย่างไรก็ตามในปี 2561 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเติบโตมากกว่า 10% เนื่องจากมีการพัฒนาโครงการที่มากขึ้น จากทุกปีที่มีการตั้งเป้ายอดขายปีละประมาณ 10%

 

ด้านนายณพน เจนธรรมนุกูล ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ SAMCO กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือ คอมมูนิตี้มอลล์ (Community Mall) หลังจากรีแบรนด์อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้เช่าและลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยได้ปรับชื่อจาก “เพียวเพลส” เป็น “สัมมากร เพลส” ให้สอดคล้องกับแบรนด์สัมมากร เพื่อให้ภาพลักษณ์ของ สัมมากร เพลส เป็นศูนย์รวมของลูกบ้านสัมมากร สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับลูกบ้านสัมมากร นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนโลโก้เป็นรูปคล้ายพลุ ถือเป็นการจุดพลุว่า สัมมากร เป็นแลนด์มาร์คของคนในชุมชน เส้นสายของโลโก้ที่มาบรรจบกันสะท้อนถึงความเป็นศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์กลางชุมชนและศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว การปรับร้านค้าภายในศูนย์ ปรับรูปโฉมใหม่ และเพิ่มกิจกรรมเพื่อดึงดูดให้ลูกบ้านสัมมากร และลูกค้าในละแวกใกล้เคียงมาจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์มากขึ้น ซึ่งจะทยอยปรับศูนย์การค้า สัมมากร เพลส ให้แล้วเสร็จทั้ง 3 สาขา ได้แก่ รามคำแหง 110 รังสิต คลอง 2 และราชพฤกษ์ ภายในกลางปีนี้” นายณพน กล่าว

 

ทั้งนี้จุดเด่นของศูนย์การค้าสัมมากร เพลส อยู่ที่การให้ความสำคัญกับการสำรวจความคิดเห็น ความต้องการรูปแบบร้านค้า ไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน และสำรวจความพึงพอใจการใช้บริการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาและคัดเลือกร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีผู้เช่ารวมแล้ว 95 % ของพื้นที่และมีพันธมิตรที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์สัมมากร เพลส อาทิ แม็คโครฟู๊ดเซอร์วิส วิลล่ามาร์เก็ต แม็กซ์แวลู สตาร์บัคส์ ธนาคารชั้นนำ ฯลฯ ทั้งนี้หลังจากปรับโฉมแล้วเสร็จกลางปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้ามาจับจ่ายใช้จ่ายที่ศูนย์การค้า สัมมากร เพลส เพิ่มขึ้น20%