กลุ่มสีเบเยอร์เผยภาพรวมตลาดสีทาอาคารแนวโน้มฟื้นตัว เติบโต5% พร้อมตั้งงบตลาด 400 ล้านบาทหวังตอกย้ำแบรนด์ ระบุตลาดEECเห็นภาพใช้สีทาอาคารอีก 2-3 ปี ตั้งวิศวกรทีมพิเศษเจาะตลาดผู้รับเหมาฯ-ดีลเลอร์ในพื้นที่ ทั้งตั้งแอปพลิเคชั่น ”เบเยอร์4.0”รับยุคไทยแลนด์ 4.0 พร้อมชิมลางขายสีผ่านระบบออนไลน์“เบเยอร์ ออนไลน์ เอาท์เล็ท”หวังขยายฐานลูกค้า ตั้งเป้ารายได้ปี60 แตะ4,000 ล้านบาท

 

 

 

ดร.วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดสีทาอาคารปี 2561 ว่ามีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวมา 2-3 ปี ซึ่งจะเป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาฯหันมาพัฒนาโครงการมากขึ้น โดยมูลค่าตลาดรวมของสีทาอาคารในปี 2560 อยู่ที่  21,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 5% แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มในปี 2561 ตลาดสีทาอาคารยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 5% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ   โดยบริษัทฯได้วางงบการทำตลาดไว้ ที่ 400ล้านบาท เพื่อตอกย้ำแบรนด์ ในรูปแบบโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ในส่วนเป้าหมายรายได้บริษัทฯตั้งเป้าไว้ที่ 4,600ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 5% เท่ากับมูลค่าตลาดรวม จากปี2560 คาดว่าจะมีรายได้ที่ 4,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพียง 1% จากปี 2559 เพราะเป็นปีที่มีการแข่งขันที่รุนแรง ขณะที่กำลังซื้อยังไม่ฟื้นคืนตลาด โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดที่พืชผลทางการเกษตรยังไม่ดีขึ้น

 

ส่วนพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)จะเห็นภาพการใช้สีทาอาคารอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพราะดูจากสิ่งที่ภาครัฐคาดการณ์คือจะมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นอีกมาก ส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยพัฒนาในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งทางกลุ่มสีเบเยอร์เองก็ได้มีการตั้งวิศวกรภาคทีมพิเศษขึ้นมาเพื่อรุกตลาดEEC โดยเฉพาะ ด้วยการเข้าไปแนะนำ ให้ความรู้ การใช้สีทาอาคารกับดีลเลอร์และผู้รับเหมาก่อสร้างในพื้นที่
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายด้วยการตั้งแอปพลิเคชั่น ”เบเยอร์4.0”ขึ้นมาเพื่อรองรับยุคไทยแลนด์ 4.0 ในการขายสีให้กับช่างทาสีและดีลเลอร์โดยตรงอีกด้วย อีกทั้งยังขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางการตลาดด้วยการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ “เบเยอร์ ออนไลน์ เอาท์เล็ท” ซึ่งจะเป็นสินค้าพิเศษที่มีให้เลือกหลากหลายขายผ่านออนไลน์เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับดีลเลอร์ โดยได้เริ่มทดลองขายผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่ปลายปี 2560 เป็นต้นไป

 

“ด้วยนโยบายการดำเนินธุรกิจของเบเยอร์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เรายังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมระดับโลก ภายใต้แนวคิด “Eco-Wellness Innovation ส่งผลให้ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของสีเบเยอร์ มีความโดดเด่น แตกต่างอย่างยั่งยืน   โดยเบเยอร์มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 กลุ่มหลักได้แก่ สีทาอาคาร (Decorative Paints), ผลิตภัณฑ์รักษาเนื้อไม้ (Wood Coating), เคมีก่อสร้าง (Construction Chemicals), สีอุตสาหกรรม (Heavy Duty Coating) และสีพิเศษ (Special Paints) ได้แก่ สีสร้างลาย (Art Effects) และสีทอง (Gold Paints) ควบคุมการผลิตด้วยระบบคอมพิ วเตอร์ที่ทันสมัยมีกำลังการผลิตกว่า 40-50 ล้านลิตรต่อปี โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการผลิตควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมีคลังสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ตลอดจนกระบวนการการกระจายสินค้ าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ ก้าวสู่เป็นผู้นำนวัตกรรมสีร กษ์โลกรักคุณ อย่างแท้จริง” ดร.วรวัฒน์ กล่าวในที่สุด