อีสเทิร์นโพลีเมอร์ฯมั่นใจเศรษฐกิจฟื้นส่งผล 3 ธุรกิจโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายตลาดทั้งใน-ต่างประเทศ คาดผลการเข้าซื้อกิจการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจบดีลปีหน้า มูลค่า100-1,000 ล้านบาท คาดรายได้รวมปี60แตะ 10,000 ล้านบาท

 

 

รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือEPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยถึงทิศทางการเติบโตช่วงครึ่งปีหลัง   ปี 2560/2561(ตุลาคม 2560 – มีนาคม 2561)ว่า จากการที่สภาววะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว คาดว่า EPGจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจสำหรับความคืบหน้า การเข้าเทกโอเวอร์กิจการซึ่งเป็นธุรกิจสีเขียว ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมที่เกี่ยวเนื่องกับ 3 ธุรกิจของบริษัทฯในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกนั้นขณะนี้มีบริษัทเข้ามาเจรจาจำนวนมาก มูลค่าตั้งแต่ 100-1,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปมีความชัดเจนในปี2561 นี้

 

โดยธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์Aeroflex ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกาด้วยการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงเพิ่มกำลังการผลิต EPDM Insulation เพื่อรองรับการเติบโตที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกรณีเรื่องการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลในสหรัฐฯ จาก 35% เหลือ 20% บริษัทจะได้รับประโยชน์เนื่องจากมีโรงงานอยู่ในสหรัฐฯด้วย โดยจะทำให้ต้นทุนการจ่ายภาษีลดลงมากพอสมควร

 

ขณะเดียวกันก็เร่งทำการตลาดเพิ่มเติมในกลุ่มอาเซียน เช่น ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์รวมถึงการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (Aero-roof) ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนุนยอดขายให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น

 

 

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์Aero-roofซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 36%ต่อปีขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดรับกับ Lifestyle ของผู้บริโภค สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนากับค่ายรถยนต์จะเริ่มทยอยออกสู่ตลาด ขณะที่ธุรกิจ TJM ในออสเตรเลีย ได้ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์โดยนำระบบซอฟแวร์ Supplier Partnership Program (SPP) มาใช้ในการบริหารจัดการ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ  เช่น Pro Locker เป็นต้นปัจจุบัน TJM มีCorporate Store 1 แห่ง ที่ Perth ออสเตรเลีย และมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่ง ที่เมือง Brisbaneออสเตรเลีย ในปีนี้

 

ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย26%ต่อปี ซึ่งมีความพร้อมด้านกำลังการผลิตและเทคโนโลยีการผลิต รองรับความต้องการของตลาด แต่เนื่องจากการบริโภคสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจึงได้ปรับกลยุทธ์เน้นการทำตลาดของแบรนด์ “eici” เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าประเภททั่วไป และขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกล่องใส่อาหารรวมถึงเน้นขยายตลาดกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ล่าสุด EPP ได้เดินสายโปรโมทผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้กับกลุ่มร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านขายภาชนะใส่อาหารพลาสติก และประชาชนทั่วไป ในย่านตลาดกว่า30 แห่ง ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร

 

รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อไปว่าบริษัทฯ มีเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และธุรกิจร่วมทุน หากธุรกิจในกลุ่มใดชะลอตัว ยังมีกลุ่มอื่นๆ ช่วยสนับสนุน ดังนั้น การเติบโตในปีนี้ทั้งปี ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้มีรายได้ที่ 10,000 ล้านบาท  จากปี 2559 มีรายได้ที่ 9,578 ล้านบาท โดยรายได้จากต่างประเทศมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมาถึง 60% จากปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 30%