บิ๊กอสังหาฯเผยระบบสาธารณูปโภคในประเทศขยายตัว ดันบรรยากาศอสังหาฯน่าลงทุนระบุส่วนแบ่งตลาดหลักยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ ต่างชาติลงทุน-ร่วมทุนต่อเนื่อง มั่นใจแนวโน้มยังสดใส ด้านตลาดต่างจังหวัดยังไปได้แต่ต้องมีโนว์ฮาว-เข้าใจดีมานด์ ระบุการนำนวัตกรรมใหม่มาใช้จะทำให้อยู่รอดท่ามกลางสมรภูมิเดือด รับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแนะเร่งปิดขายเร็วลดความเสี่ยง

 

 

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยในงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “อสังหาริมทรัพย์ พลังขับเคลื่อนประเทศ”ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน4-5ปีที่ผ่านมา มีเทรนด์ใหม่ๆเกิดขึ้น เช่น ต่างชาติมาลงทุน และร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย มากขึ้น โดยที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯมี 4 เรื่องหลักที่น่าสนใจและน่าจับตามองต่อไปคือ 1.การมีส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้นของผู้ประกอบการรายใหญ่ จากการเปลี่ยนแปลงของระบบสาธารณูปโภคทำให้มีบรรยากาศการลงทุนที่มากขึ้น โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดอยู่ในมือของผู้ประกอบการรายใหญ่ สะท้อนได้จากส่วนแบ่งการตลาดอสังหาฯ ของผู้ประกอบการรายใหญ่ 11 ราย ปี 2555 ครองส่วนแบ่งการตลาด 53% ขณะที่ครึ่งปีแรก 2560 ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 72% ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ครองตลาดอสังหาฯ เป็นผลมาจากสถาบันการเงินมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อเพื่อลงทุนมากกว่ารายเล็ก ดังนั้นการขับเคลื่อนการลงทุนตลาดอสังหาฯ หลังจากนี้ ยังอยู่ในมือผู้ประกอบการรายใหญ่ต่อไป และจะแข็งแรงมากขึ้น เพราะได้สินเชื่อง่ายกว่ารายเล็ก

อีกทั้งที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน และร่วมทุนกับผู้ประกอบการอสังหาฯ ไทยจำนวนมาก เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯไทย ที่ยังมีโอกาสการเติบโต

 

2.การเติบโตของอสังหาฯในต่างจังหวัด ไม่ได้เล็กกว่าเมื่อ5-6 ปีที่แล้วแต่อย่างใด แต่มีการเปลี่ยนแปลงของตลาดหัวเมืองใหญ่ เพราะมีการเกิดขึ้นของตลาดระดับกลาง มีผู้ประกอบการจากกทม.เข้าไปพัฒนาโครงการมากขึ้น รวมไปถึงการคมนาคมที่สะดวกขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ต้องมีโนว์ฮาว และการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในต่างจังหวัด

 

3.การเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันมีความต้องการคอนโดฯมากขึ้น รถไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ทำให้ตลาดคอนโดฯมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และ4.ขนาดยูนิตที่เล็กลง เพราะต้นทุนอสังหาฯมาจากต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ที่มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดีมานด์จะชอบสินค้าราคาไม่สูงมาก ดังนั้นจึงต้องทำคอนโดฯที่มีขนาดเล็กลง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการมีจุดแข็งที่ต่างกันดังนั้นการนำเสนอจึงต่างกัน

 

ด้านนายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)หรือโกลเด้นแลนด์ หรือGOLD กล่าวว่า การที่นำนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯมองมากตั้งแต่แรกที่เข้ามาพัฒนา เพราะจะทำให้อยู่ในธุรกิจได้ ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันในตลาดที่สูง โดยบริษัทฯจะเลือกพัฒนาโครงการแนวราบ ส่วนคอนโดฯเป็นสิ่งที่เสริมในอนาคตจะช่วยขยายตลาด ส่วนตลาดต่างจังหวัดโดยเฉพาะอีอีซี ก็มีความน่าสนใจลงทุน ซึ่งทุกโครงการที่เปิดขายก็ปิดการขายได้เร็ว เพราะมีการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยสิ่งแรกที่คำนึงถึงคือทำเลในการพัฒนา ที่เน้นทำเลในเมืองที่เป็นทำเลรอง แต่ใกล้ระบบสาธารณูปโภค และที่ดินแต่ละแปลงก็พยายามซื้อตรงจากเจ้าของที่ดิน รวมไปถึงการใช้ผู้รับเหมาซ้ำ เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง

 

“ปัจจุบันลูกค้าจะเปลี่ยนใจง่าย หากปิดการขายช้าอาจจะมียอดยกเลิกได้ รวมทั้งอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินถึง 40% จึงเน้นการขายเร็วและไม่ปรับราคา จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และวิธีการที่ทำให้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อให้ลดลงคือ ควรเลือกสถาบันการเงินและเลือกโครงการที่เหมาะสมให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ผ่านได้เร็ว ขณะที่พฤติกรรมการเลือกสื่อจะเป็นออนไลน์มากขึ้น แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนคือสื่อบิลบอร์ดเพราะสามารถสื่อข้อมูลให้ลูกค้าได้ง่าย โดยบริษัทฯใช้สื่อเฟสบุ๊คเป็นอันดับสี่จากบริษัทอสังหาฯทั้งหมดที่ใช้สื่อออนไลน์ในการขายสินค้า”นายแสนผิน กล่าวในที่สุด