ECF มองโค้งสุดท้ายปี 60 คึกคัก ฟอร์มดีทุกกลุ่มธุรกิจ เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ รับอานิสงส์ 2 เด้ง ช็อปช่วยชาติ และน้ำท่วม ดันยอดขายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศพุ่ง พร้อมลุยเพิ่มยอดขายผ่านทุกช่องทางจำหน่าย รับรู้รายได้ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล PWGE    นราธิวาส เดินเกมรุกธุรกิจพลังงานต่อเนื่อง โชว์ผลงานงวดไตรมาส 3 รายได้-กำไรจากส่วนธุรกิจเฟอร์นิเจอร์โต 11% และ 204% ตามลำดับ เผยงบรวมงวด 9 เดือน กวาดรายได้ 1,080.70 ล้านบาท กำไร 41.52 ล้านบาท

 

 

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา โชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ “ELEGA” และโชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY “FINNA HOUSE” เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 แนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

 

สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ช่วงปลายปี มีความคึกคักมากขึ้น รับอานิสงส์มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ออกมาตรการช็อปช่วยชาติ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน- 3 ธันวาคม 2560 วงเงิน 15,000 บาทนำไปลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ อีกทั้ง ครม.ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ในการซ่อมแซมบ้านเรือน เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่  ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุน ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในประเทศปรับตัวสูงขึ้นซึ่งงวด 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายในประเทศเติบโต 12% และบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย เพิ่มช่องทางจำหน่ายในประเทศให้มากขึ้น ตามการขยายตัวของร้านค้าปลีก-ส่งเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศ โมเดิร์นเทรดต่าง ๆ และเจรจากับลูกค้าใหม่ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาสสามที่ผ่านมา จำนวน 6.7 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต2 เมกะวัตต์ จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ในเดือนมกราคม2561 และกุมภาพันธ์ 2561 ตามลำดับ

 

นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  ขนาด 220 MW ประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้เริ่มก่อสร้างเฟสแรกแล้ว คาดว่าจะเริ่ม COD กลางปี 2561 มั่นใจแผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าช่วยส่งเสริม และสร้างการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทต่อไปในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายโครงการ

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 353.80ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 316.37 ล้านบาท จำนวน 37.43  ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 % และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 19.15 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 204 สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 17.99 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 34 เนื่องจากไตรมาส 3 ปีที่แล้ว บริษัทมีกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนรายได้รวมทั้งสิ้น1,080.70 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่1,007.49  ล้านบาท จำนวน 73.20  ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.27 % และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 53.40 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17 สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 41.52 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมกำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่นของไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ผลการดำเนินงานของบริษัททั้งส่วนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และส่วนที่รวมธุรกิจพลังงานยังนับว่าเติบโตต่อเนื่อง

 

แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงต่อจากนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์คาดว่าจะเติบโตที่ 10-15 % และบริษัทย่อยที่ลงทุนด้านพลังงาน ECF-POWER เริ่มทยอยรับรู้ส่วนแบ่งผลการดำเนินการในปีนี้  ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน