บิ๊กชาญอิสสระฯเผยเทรนด์ตลาดอสังหาฯเปลี่ยน ผู้ประกอบการไม่ปรับตัวอยู่ยาก แนะพัฒนาโครงการอย่าคิดเชิงบวกด้านเดียว ต้องเตรียมพร้อมรับมือความผิดพลาดจึงอยู่รอด ฟุ้งต่างชาติสนจีบร่วมทุนต่อเนื่อง แย้มแผนปี61 เล็งผุดคอนโดฯหรูย่านซีบีดี ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าแตะ 3,000ล้านบาทโต 5%

 

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือ CI เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในปัจจุบันว่า มีการเปลี่ยนแปลงตลอด ต้องจับตาดูแบบรายวัน ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย โดยเฉพาะการนำระบบไอทีเข้ามาช่วยในการทำกลยุทธ์ทางการตลาดมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯเองได้มีการปรับเปลี่ยนมานานแล้ว อาทิ ด้านงานขายที่จะใช้เทคนิคมากขึ้น รวมไปถึงการใช้บริการเอเยนซี่มืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารงานขาย เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับทีมขายของบริษัทมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูสมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ระยะยาว จากเดิมที่เน้นโครงการเพื่อขายเพียงอย่างเดียว

 

“ความสำคัญของการทำธุรกิจอสังหาฯคือการมีกระแสเงินสดในมือที่มาก และอย่าคิดแต่เชิงบวกอย่างเดียว ให้คิดตลอดว่าเมื่อเกิดปัญหาจะทำอย่างไร หรือถอยอย่างไรไม่ให้เจ็บตัว ซึ่งแล้วแต่กรณีที่เกิดขึ้น เพราะแต่ละเคสไม่เหมือนกัน เมื่อรู้ว่าวางแผนผิดพลาด ก็มีทางเลือก 2 ทาง คือลงทุนต่อเพื่อเอากำไรคืน หรือยอมเสียหาย เพื่อรอเวลาและหาจังหวะในการพัฒนาใหม่”นายสงกรานต์ กล่าว

 

สำหรับแผนการลงทุนในอนาคตของบริษัทนั้นยังเปิดโอกาสกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากกลุ่มจุนฟา เรียลเอสเตท ผู้ประกอบการรายใหญ่จากจีนที่ร่วมพัฒนาโครงการ”บาบาบีช คลับ ภูเก็ต” และกลุ่มเทียนหยวน ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศจีน ร่วมพัฒนาโครงการ”อิสสระ เชียงใหม่” แล้วขณะนี้ยังมีกลุ่มทุนจากจีน ญี่ปุ่นและยุโรป สนใจมาร่วมลงทุนและเข้าถือหุ้นกับCI ด้วย ประเทศละ2-3 ราย ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจอีกนาน เพราะต้องพิจารณาว่ากลุ่มต่างชาติที่จะเข้ามาร่วมทุนนั้น สามารถเอื้อประโยชน์อะไรให้ได้บ้าง แต่ที่ผ่านมาบริษัทก็พยายามเรียนรู้วิธีคิดและความรู้ต่างๆจากชาวต่างชาติเหล่านี้ ส่วนจะตัดสินใจร่วมทุนกับกลุ่มไหน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทในปี2561 นั้นจะมีการเปิดตัวใหม่ 1 โครงการ เป็นคอนโดฯย่านใจกลางเมือง ซึ่งขณะนี้กำลังดูทำเลย่านสุขุมวิท สาทร และหลังสวนอยู่ แต่บริษัทมองว่าปัจจุบันราคาขายที่ดินในเมืองได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเฉลี่ย 350,000-360,000 บาท/ตารางวา ทำให้บริษัทต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนอย่างรอบคอบ เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการแข่งขันที่รุนแรง มีซัพพลายเติมเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการตัดสินใจซื้ออาจจะชะลอไปบ้าง แม้ว่าภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีการขยายตัวได้ในระดับ 3-4% และการฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจเป็นการฟื้นตัวแค่ในบางกลุ่มที่เป็นปัจจัยผลักดันหลัก เช่น กลุ่มส่งออก เป็นต้น ขณะที่ภาคเกษตรยังมีเผชิญกับราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มตกต่ำต่อเนื่อง ทำให้รายได้ลดลง และภาคครัวเรือนมีหนี้สินครัวเรือนไนระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย และการตัดสินใจซื้อที่ชะลอตัวลงไป

 

“การจะพัฒนาต้องดูซัพพลายในขณะนั้นด้วย หากมีมากเกินก็คงต้องชะลอไปก่อน เพราะการพัฒนาอสังหาฯต้องคอยระวังตัว เนื่องจากในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวในหลากหลายรูปแบบ จึงยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดได้”นายสงกรานต์ กล่าว

 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเฟสต่อเนื่องในโครงการทิวทะเล ศรีพันวา ภูเก็ต และบาบาบีช คลับ สำหรับโครงการศรีพันวา ภูเก็ตนั้น ขณะนี้ยังเหลือที่ดินในการพัฒนาได้อีก 10ไร่(ซื้อที่ดินเพิ่มมาอีก 5 ไร่) โดยจะพัฒนาวิลล่าอีกประมาณ 10 หลัง ห้องพักโซนฮาบิทา 20 ห้อง และห้องประชุมสัมมนา คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยก่อสร้างในปี2561 และแล้วเสร็จในปี2563 โดยปัจจุบันที่ดินย่านแหลมพันวา ราคาปรับเพิ่มสูง 40-50เท่าหรือไร่ละ 40-50 ล้านบาท จากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ราคาที่ดินไร่ละไม่ถึง 10 ล้านบาท

 

ในปี2560 อัตราการเข้าใช้บริการศรีพันวา ภูเก็ต ดีกว่าปี2559 มีลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น5% จากปกติมีเข้าใช้บริการปีละ 30-40% นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากยุโรปเพิ่มขึ้น 4-5% โดยกลุ่มที่มาใช้บริการมากที่สุดคือ ชาวจีน ที่ปีนี้มีเพิ่มมากถึง 8% โดยภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า (2561-2565)
บริษัทได้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มเป็น 35% ของรายได้ทั้งหมด จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 26% โดยบริษัทจะต้องมีการเพิ่มโรงแรมในพอร์ตบริหารอีกประมาณ 4-5 แห่ง ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท จุนฟา เรียลเอสเตท จำกัด พันธมิตรจากประเทศจีน เพื่อรับบริหารโรงแรมที่ไหหนาน โดยปัจจุบันโรงแรมดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในปี 2562ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในช่วงปี 2562-2563 และในอนาคตจะเข้าบริหารให้กลุ่มจุนฟาฯอีก 2 แห่งที่ เมืองคุนหมิงและลี่เจียง

 

ส่วนความคืบหน้าโครงการ SRIPANWA Academy โรงเรียนสอนด้านการโรงแรมเพื่อผลิตบุคลากรที่พร้อมปฏิบัติการโดยตรงนั้น คาดว่าจะเริ่มเปิดการสอนอย่างเต็มรูปแบบภายใน 1-2 ปีจากนี้ ซึ่งในช่วงปีแรกคาดว่าจะมีจำนวนนักเรียนประมาณ 50 คน และรับนักเรียนได้มากที่สุดประมาณ 500 คน

 

อย่างไรก็ตามในปี2561 ตั้งเป้ารายได้โต 5%จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 3,000 ล้านบาท แม้ว่ารายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจะต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก หรือมีรายได้อยู่ที่กว่า 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทยังพยายามที่จะเพิ่มรายได้ไห้มากขึ้นจากการขายโครงการที่ยังเหลือขายอยู่ และทยอยโอนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ที่กว่า 1,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปี2561 แต่ภาพรวมของตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่าเป็นช่วงเวลาที่การดำเนินธุรกิจอาจจะต้องเหนื่อยกันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนยังอยู่ในภาวะโศกเศร้า สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่ ทำให้การขายอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย