แสนสิริมั่นใจ 2 เดือนสุดท้ายปี60ตลาดอสังหาฯฟื้นตัว กำลังซื้อมีความมั่นใจ คาดปี61 อัดเม็ดเงินลงทุนเปิดโครงการใหม่มากขึ้น ด้านกระแสข่าวสนใจเทกโอเวอร์คอนโดฯกลุ่มเพซฯยังอุบเงียบ รอผลสรุป แย้มพ.ย.-ธ.ค.จ่อเปิดแนวราบ-คอนโดฯ10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมจัดงาน “Sansiri Life Comes Home 2017” คาดฟันยอดขาย 8,000 ล้านบาท  มั่นใจรายได้แตะตามเป้า 34,000 ล้านบาท

 

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือSIRI เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2560 นี้ว่า จะกลับมาคึกคักมาขึ้นจากภาพรวมของปัจจัยในประเทศไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทย อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และยังมีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคที่ชะลอตัวมา 2 ปี ที่จะเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น จากความมั่นใจที่กลับมา และยังมีการซื้อของกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาสนับสนุนจากอัตราผลตอบแทนของอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกๆปี

 

สำหรับบริษัทฯเองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนมากหลายโครงการขณะเดียวกันก็มียอดโอนเข้ามามากด้วยเช่นกัน  ทำให้มีกระแสเงินสดเข้ามามาก ส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทฯจะต้องมีการลงทุนที่มากขึ้น

 

ต่อคำถามนักข่าวถึงกระแสข่าวว่าบริษัทฯจะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการการเทกโอเวอร์โครงการคอนโดฯของบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ต่อประเด็นดังกล่าวนายอุทัย ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่กล่าวสั้นๆว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ด้วยรูปแบบโครงการคอนโดฯของกลุ่มเพซฯนั้นมีความน่าสนใจเพราะตรงกับรูปแบบที่แสนสิริฯพัฒนาอยู่แล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม 2 เดือนสุดท้ายบริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวใหม่อีก 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ  และแนวราบ 5 โครงการ ซึ่งทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบจะอยู่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ที่เหลืออีก 10 โครงการ จะทำให้บริษัทเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ได้ตามแผนที่ตั้งไว้ 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 44,700 ล้านบาท

 

ทั้งนี้คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้จะเห็นการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงได้เตรียมจัดงาน “Sansiri Life Comes Home 2017” ในช่วงวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2560นี้  ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้วยการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ คือ คาวะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 77 ตั้งอยู่บันพื้นที่ 6 ไร่ เป็นคอนโดฯสูง  7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ขนาด 33.25-80.75 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.59 ล้านบาท จำนวน 546 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นการคัดเฉพาะยูนิตพิเศษประมาณ 30% มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท มาขายและโครงการโอกะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 36 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ เป็นคอนโดฯ สูง 47 ชั้น ขนาด 26-86  ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท จำนวน 1,178 ยูนิต มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท

 

โดยแคมเปญดังกล่าวมอบส่วนลดสูงสุด 50,000 บาทและรับทันที iPhone X เมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์และจองโครงการใหม่ในงาน ทุกยูนิตลุ้นรับรางวัลทุกวัน มูลค่ากว่า 500,000 บาท เมื่อจองในงาน อาทิ iPad Pro Apple Watch Series 3 หรือบัตรที่พัก 2 วัน 1 คืน ที่โรงแรมเอสเคปเขาใหญ่ หรือ หัวหิน เป็นต้น

 

สำหรับผู้ลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าทางเว็บไซต์ ยังได้รับรับกระเป๋า “Exclusive Bag” จำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังมอบแพคเกจทางการเงิน อาทิ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.8% นานถึง 3 ปี ฟรีจำนองสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนในงานและใช้สินเชื่อบ้านไทยพาณิชย์ 10 ท่านแรก โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด พร้อมทั้งของสมนาคุณพิเศษเมื่อขอสินเชื่อโครงการพร้อมอยู่ภายในงาน สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม รับส่วนลดเงินจอง 5% พร้อมรับคะแนนเพิ่มสูงสุด 50,000 คะแนน และบัตรกำนัลสูงสุด 6,500 บาท เมื่อชำระเงินจองโครงการผ่านบัตรฯ ทันที พร้อมรับคะแนนพิเศษเพิ่มสูงสุดอีก 50,000 คะแนนเมื่อใช้สินเชื่อบ้านกับธนาคารไทยพาณิชย์

 

นอกจากนี้ยังนำยูนิตฮ็อต ราคาพิเศษจากอีก 10 โครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริทั่วประเทศมาขายด้วย และลูกค้าแสนสิริฯยังสามารถเลือกซื้อบ้าน คอนโด ทาว์นเฮาส์ พร้อมอยู่ รวมทั้งสิ้น 42 โครงการ ในแคมเปญดังกล่าวด้วย รับข้อเสนอดีที่สุดส่งท้ายปี ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ที่สำนักงานขายของแต่ละโครงการ  อย่างไรก็ตามคาดว่างานดังกล่าวจะสามารถทำยอดขายได้กว่า 8,000 ล้านบาท

 

นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเสร็จสิ้นการจัดแคมเปญงานดังกล่าวแล้ว ยังไม่สามารถปิดการขายโครงการคาวะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 77 และ โอกะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 36 ได้ ก็จะนำไปเตรียมจัด Global Launch เปิดขายพร้อมกัน 6 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่นและมาเลเซีย ในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายลูกค้าต่างชาติในปีนี้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ปรับเป้าเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 6,000 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายตามเป้าที่วางไว้ 40,000 ล้านบาท และรายได้ 34,000 ล้านบาท  ซึ่งการโอนเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มีการโอนไปได้แล้ว 23,000-24,000 ล้านบาท จากเป้าการโอนโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็น Backlog ของโครงการแนวราบที่จะโอน 4,000 ล้านบาท และBacklog ของโครงการที่จะโอน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย