พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทิศทางอสังหาริมทรัพย์โซนทองหล่อ-เอกมัยร้อนแรงต่อเนื่อง เหตุเป็นทำเลทองครบครันทั้งความสะดวกด้านคมนาคมและตอบโจทย์การอยู่อาศัยรอบด้าน ส่งผลราคาที่ดินแตะ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา หนุนราคาคอนโดมิเนียมเติบโตโดดเด่น พบคอนโดฯแนวไฮไรส์ทำเลสุขุมวิท 55 พุ่งสูงสุดกว่า 150% ขณะที่ราคาขายต่อ (รีเซล) ไปได้สวยพบย้อนหลัง 5 ปี โตเฉลี่ย 80%

 

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงผลสำรวจภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเลทองหล่อ – เอกมัย พบว่าแม้จะมีราคาขยับขึ้นไปค่อนข้างสูง แต่ยังคงได้รับความสนใจจากผู้อยู่อาศัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ดึงดูดผู้คนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นย่านอยู่อาศัยหนาแน่นในอนาคต สำหรับบริเวณสถานี BTS ทองหล่อ – เอกมัย  แบ่งพื้นที่ย่อยเป็น 3 โซนด้วยกันคือซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55), สุขุมวิท 36 – 38 และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) ซึ่งในแต่ละโซนมีระดับราคาและความนิยมต่างกันไป

 

ทั้งนี้ จากผลการวิจัยของพลัสฯ พบว่าคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมในย่านทองหล่อ – เอกมัย มีราคาปรับสูงขึ้นทั้งแบบไฮไรส์และโลว์ไรส์ ซึ่งประเภทไฮไรส์ราคาปรับขึ้นไปมากที่สุด พบในซอยทองหล่อ  (สุขุมวิท 55) มีโครงการที่เปิดตัวในปี2556 จำนวน 550 ยูนิต สามารถปิดการขายได้ทั้งหมด ซึ่งเทรนด์ของอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นโครงการ High End โดยในช่วงครึ่งปีแรก             อุปสงค์ให้การตอบรับดีมียอดขาย 74% ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์บริเวณสุขุมวิท 55 จากปี2556 ถึงช่วงครึ่งปีแรก 2560  มีราคาเปิดตัวโครงการใหม่ก้าวกระโดดถึง 159%เนื่องจากที่ดินในการพัฒนาจำกัด จึงทำให้มีการพัฒนาเป็นโครงการระดับ High End ที่เปิดขายในปี 2559 อาทิ KHUN by yoo และ The Bangkok  ทองหล่อ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยโครงการใหม่สูงขึ้นถึง 325,000 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับราคาโครงการที่เปิดในปี 2556 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียง 125,000 บาทต่อตารางเมตร

 

สำหรับ ซอยสุขุมวิท 36-38  ปัจจุบันราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์เปิดตัวอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งราคาขายเพิ่มขึ้น 50% ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับโครงการโลว์ไรส์ที่ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 65% จากโครงการใหม่ที่เข้าสู่ตลาด อุปสงค์ให้การตอบรับดีมียอดขาย 80-90% ภาพรวมราคาขายเฉลี่ยทั้งโครงการไฮไรส์และโลว์ไรส์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกในอนาคต

 

ขณะที่ทำเลเอกมัยพบว่าราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ มีแนวโน้มเติบโตในช่วง 5 ปี จากราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อตารางเมตร มาอยู่ที่ 175,000บาทต่อตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นถึง 75%  ทั้งนี้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบอุปทานคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์มากขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากทองหล่อที่พื้นที่เริ่มหนาแน่น ราคาขยับสูงขึ้นทำให้มีการพัฒนาโครงการในเอกมัยมากขึ้น โดยอุปสงค์ให้การตอบรับกว่า 80% หรือคิดเป็นอัตราดูดซับ 21 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรก 2017 มีอุปทานในตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมจำนวน 701 ยูนิต และอุปสงค์ให้การตอบรับดี โดยมียอดขาย 89% ส่วนครึ่งปีหลังมีการตอบรับดีเช่นกัน เห็นได้จากโครงการ taka HAUS ที่เพิ่งเปิดขายไปเมื่อวันที่ 16 – 17 กันยายน โดยสามารถทำยอดขายถึง 85%

หากพิจารณาในส่วนของราคาขายต่อ (รีเซล) ของคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อและเอกมัยยังเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ (ข้อมูลตามตารางด้านล่าง)

 

 

“ที่ดินทำเลทองหล่อมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 40% ในช่วง 5 ปี จากราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวามาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา เช่นเดียวกับราคาที่ดินในทำเลเอกมัยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.3% จากราคา 750,000 บาทต่อตารางวา มาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา ส่งผลให้ปัจจุบันทำเลศักยภาพย่านทองหล่อและเอกมัยเหลือพื้นที่เปล่าให้พัฒนาไม่มากนักส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์และร้านค้าต่างๆ และหากพิจารณาในส่วนของที่อยู่อาศัย พบว่าช่วง 3 ปีข้างหน้า (2561-2563) ทำเลทองหล่อ-เอกมัย จะมีโครงการสร้างเสร็จไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ(3,500 ยูนิต) ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่นิยมและมีผู้อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่นและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกง  โดยโครงการใหม่พบว่ามีการพัฒนารูปแบบ 2 ห้องนอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2559ถึงครึ่งปีแรกของ 2560  สัดส่วนห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2 ห้องนอนขึ้นไปมีสัดส่วนประมาณ 50% ของห้องทุกรูปแบบ จากเดิมที่รูปแบบ 1 ห้องนอนเป็นกลุ่มหลักของตลาด สะท้อนให้ว่าในพื้นที่นี้มีดีมานด์ที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามารองรับอุปทานห้องขนาดใหญ่ได้ดี โดยทำเลทองหล่อมีผู้เช่าชาวต่างชาติถึง 87% และเอกมัย 66%” นายอนุกูล กล่าวในที่สุด