อานิสงส์รัฐบาลบูม “อีอีซี” หนุนการลงทุนรอบใหม่ดันอสังหาฯพัทยาฟื้นตัว ผู้บริหาร“โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้”  เผยกลุ่มทุนกว้านซื้อที่ดินย่านหาดจอมเทียน จ่อผุดโครงการใหญ่รองรับการเติบโต

 

ดร.ธีระชัย พิพิธศุภผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ “โอเชี่ยน กรุ๊ป” เปิดเผยว่า จากปัจจัยบวกอยู่ในพื้นที่การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)  ที่ภาครัฐอนุมัติงบประมาณกว่า 7 แสนล้านบาทในการขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินทั้ง สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา อีกทั้งได้มีการลงทุนจากประเทศผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งจะหนุนไทยเป็นฮับพัฒนาบุคลากรเชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม

ดร.ธีระชัย พิพิธศุภผล

การทุ่มเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยานั้นเกิดการลงทุนรอบใหม่ รวมถึงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ผลตามมาก็คือความต้องการที่อยู่อาศัยโดยภาคอุตสาหกรรมได้คาดการณ์ว่าหลังจากเปิดพื้นที่นวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) แล้ว จะมีความต้องการแรงงานระดับวิศวกรและกลุ่มแรงงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงมากกว่า 1 แสนคน ในระยะ 5 ปีนับจากนี้

 

“ตอนนี้ย่านหาดจอมเทียนพบมีกลุ่มทุนใหญ่ของไทยได้กว้านซื้อที่ดินเพื่อรวบรวมเป็นแปลงใหญ่ตั้งแต่ 40-100 ไร่ และมีการเจรจาซื้อที่ดินเพิ่ม 500-1,000 ไร่ทั้งอยู่ติดทะเลและไม่ติดทะเลเพื่อสร้างโครงการขนาดใหญ่”ดร.ธีระชัย กล่าว พร้อมกับย้ำว่า ปัจจุบันราคาที่ดินที่ซื้อ-ขายกันอยู่ประมาณ 32 ล้านบาทต่อไร่สำหรับที่ดินที่ติดทะเล ส่วนที่ดินในซอยราคาซื้อ-ขายกันอยู่ที่ 5-10 ล้านบาทต่อไร่ส่วที่ดินที่ติดถนนใหญ่ราคาซื้อ-ขายกันอยู่ที่ 15-20 ล้านบาท การที่กลุ่มทุนใหญ่ไล่ซื้อที่ดินก็สามารถบ่งชี้ได้ว่าทำเลดังกล่าวมีศักยภาพ อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ที่มีจุดขึ้นลงในย่านจอมเทียน จะช่วยผลักดันให้ที่นี่ หาดนาจอมเทียนเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ต่างจากเมืองพัทยาพัฒนาให้ตลาดแมส มีความหลากหลาย มีไลฟ์สไตล์ตลอด 24  ชั่วโมงรองรับนักท่องเที่ยวทุกระดับ

 

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์​ชลบุรีในครึ่งปีแรก ตลาดชะลอตัวจากปีที่ผ่านมา 28% หรือมียอดขายที่ 18,723 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 ครึ่งปีแรกมียอดขาย 26,000 ล้านบาท ทั้งปีมีมูลค่าตลาด 52,000 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาส 13,000 ล้านบาท

ด้านนายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Residential Business บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ในการขายห้องชุดโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” ใหม่ซึ่งปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 80 ยูนิต แบ่งเป็นขนาด 1 ห้องนอน 60 ยูนิต และ 2 ห้องนอน 20 ยูนิต ด้วยการปรับแต่งห้องชุดใหม่หมดทั้งห้องแบบพร้อมเข้าอยู่ เน้นการตกแต่งที่หรูหราในแบบบ้านพักริมทะเลสไตล์โมเดิร์น พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ “Offers as Show Unit” คือตกแต่งให้ฟรีและมอบของแถมทั้งหมดที่แสดงไว้ให้ในห้องตัวอย่าง

 

โครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” เป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ โดยมีขนาดห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน แต่ละยูนิตมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 76 – 313 ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยในส่วนของ New Collection นั้นมีขนาด 1 ห้องนาน พื้นที่ใช้สอย 76-90 ตร. ม. ราคาขายเริ่มต้น 9 ล้านบาท และยูนิต 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 127-159 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 13 ล้านบาท

สำหรับสิ่งอำนวยความะดวกของโครงการ โอเชี่ยน ฟอร์โตฟิโน่ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ ล็อบบี้โอ่โถ่ง ที่จอดรถกว้างขวาง และบริการจากโรงแรม โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ ซึ่งเพียบพร้อมด้วยห้องพักแขก ห้องอาหาร ห้องจัดเลี้ยง จัดประชุมสัมมนา สปอร์ต คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ บนพื้นที่กว่า 7,500 ตารางเมตร และจุดเด่นที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ คือท่าจอดเรือยอช์ทมาตรฐานสากลแห่งแรกของไทยแบบครบวงจร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ปัจจุบันมีเรือยอช์ทหรูแบรนด์ชั้นนำของโลกจอดอยู่หลายร้อยลำ มีบริการเรือยอช์ทให้เช่ากว่า 50 ลำการันตีด้วยรางวัลยอช์ทคลับยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2560 จากสถาบัน Asian Lifestyle Tourism Awards

นอกจากนี้ โครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” ยังมีพื้นที่กรีนสเปซ (Green Space) กว้างใหญ่กว่า 100 ไร่ สไตล์ทรอปิคอล การ์เด้น แบบ Free-Form Pattern จึงให้ความร่มรื่นแบบธรรมชาติจัดสรร พร้อมความสวยงามของท่าจอดเรือยอช์ทที่ใหญ่ที่สุดในเซียน