เสนาฯเมินผุดโครงการมิกซ์ยูส เน้นสร้างที่อยู่อาศัยมีจุดขายชัดเจน แย้มแผนปี61 รุกภาคตะวันออกกว้านซื้อที่ดินใหม่พัฒนาอสังหาฯรับEEC ด้าน “นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง”หลังประกาศร่วมทุนกลุ่มฮันคิว กระแสตอบรับดีเกินคา พร้อมเปิดพรีเซล 30ก.ย.-1ต.ค.60 นี้ คาดเดือนแรกยอดขายแตะ 30% และ 80% ภายใน 1 ปี

 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือSENA เปิดเผยว่าในปี2560นี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯน่าจะมีการเติบโตกว่าปี2559 ที่ผ่านมาเพราะมีการเปิดตัวโครงการและมีจำนวนยูนิตที่มากขึ้น และจากการที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายหันมารุกโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส และต้องการให้โครงการนั้นๆเป็นแลนด์มาร์คในแต่ละทำเลของกรุงเทพฯ ซึ่งในส่วนของบริษัทเองนั้นไม่มีนโยบายที่จะพัฒนาโครงการที่เป็นแลนด์มาร์คแต่อย่างใด แต่จะเน้นสร้างที่อยู่ที่อาศัยที่มีจุดขายเฉพาะมากกว่า เช่นการเน้นในเรื่องโซลาร์รูฟ (Solar Roof) ที่ช่วยเรื่องพลังงานทดแทนหรือพลังงานธรรมชาติ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก

 

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2561 จะรุกตลาดภาคตะวันออก เพื่อรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีที่ดินรองรับแล้วประมาณ 3 แปลง คือที่ดินที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พื้นที่กว่า 10 ไร่ ,ที่ดินสนามกอล์ฟ พัทยา คันทรี่ คลับพื้นที่ประมาณ 200-300 ไร่ และที่ดินติดกับสนามกอล์ฟ อีก 20 ไร่และอยู่ในระหว่างการมองหาที่ดินในย่านดังกล่าวเพิ่มอีก รวมไปถึงการมองหาที่ดินที่จ.ระยอง แต่ทั้งนี้คงต้องรอให้ระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐและแหล่งงานใหม่ๆเข้าไปในพื้นที่ก่อน จึงจะเริ่มดำเนินการพัฒนาได้ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ว่าจะพัฒนาในรูปแบบใด

 

 

ส่วนความคืบหน้าโครงการ“นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง” ที่พัฒนาในนามบริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SENAกับบริษัท ฮันคิว เรียลตี้จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น หนึ่งในกลุ่ม บริษัท Hankyu Hanshin Holding Group โดยหลังจากที่บริษัทฯประกาศพัฒนาโครงการร่วมทุนดังกล่าว ปรากฏว่าได้รับกระแสการตอบรับอย่างดีมากจากตลาดกลุ่มเป้าหมาย มีการพูดถึงคอนโดมิเนียมนวัตกรรมจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมที่เรียกว่า “Geo fit+”ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นและเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่นำนวัตกรรมดังกล่าวเข้ามาใช้ ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง สามารถนำมาใช้กับการสร้างที่อยู่อาศัยอย่างยอดเยี่ยมทั้ง Japanese Functionality ฟังค์ชั่นการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ, Japanese Innovation นวัตกรรมแนวคิดใหม่ๆเพื่อการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ และJapanese Designกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นที่นำมาใช้ในการออกแบบ

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 4 ไร่เศษ ติดถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 70 เป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 34 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่28-48ตารางเมตร ราคา 2.3-4.5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 87,000บาท/ตารางเมตร จำนวน 1,275 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,400ล้านบาท ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส1หรือไตรมาส2 ปี2561 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 ปี และจะเปิดพรีเซลในวันที่ 30 กันยายน – 1ตุลาคม 2560 นี้ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ ลุ้น Lucky Drawห้องโปรฯ ราคา 2.2 ล้าน*กรณีชำระเงินจอง+ทำสัญญา (แบ่งจ่าย 0% 6 เดือน) พร้อมรับ Gift Voucher สยาม พารากอน5,000 บาท และราคาพรีเซล รับส่วนลดวันงาน 50,000บาท และคาดว่าหลังจากที่เปิดขายได้ 1 เดือน จะสามารถทำยอดขายได้30% และ80% ภายใน 1 ปี ส่วนที่เหลืออีก 20%จะเก็บไว้ขายอีกครั้งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ เพราะแนวโน้มต้นทุนราคาที่ดินนับวันจะสูงขึ้น จึงเชื่อว่าในช่วงเวลานั้นราคาขายโครงการจะปรับสูงขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10%

 

ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ไตรมาส3 เป็นช่วงที่ตลาดมีความคึกคักมากที่สุด โดยเฉพาะในเดือนกันยายน ผู้ประกอบการทุกค่ายมีการโหมเปิดตัวโครงการใหม่กันมาก โดยในส่วนของบริษัทฯมีการเปิดตัวถึง 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท เพราะในเดือนตุลาคม ทุกบริษัทจะพร้อมใจกันหยุดดำเนินกิจกรรมทั้งหมด คงเปิดการขายในโครงการแบบเงียบๆเท่านั้น ซึ่งบริษัทคาดว่าในช่วงเดือนกันยายนนี้จะสามารถทำยอดขายจากโครงการ“นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง”ประมาณ 30% ส่วนเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม ผู้ประกอบการอาจจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่บ้างแต่ไม่มากนัก

 

อย่างไรก็ตามคาดว่าจนถึงปลายปีนี้บริษัทฯจะสามารถทำยอดขายได้ใกล้เคียงกับเป้าที่วางไว้ คือ 4,600 ล้านบาทบวกลบ และมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 4,500 ล้านบาท