จากกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ได้กล่าวในพิธีเปิดงาน “บ้าน ธอส. เอ็กซ์โป @ กรุงเทพฯ”พร้อมกับได้มีสั่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือธอส. และการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ให้ดำเนินการเร่งด่วนโครงการ บ้านประชารัฐ และโครงการบ้านผู้สูงอายุ ทั้งยังได้เปิดทางให้เอกชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เช่น จีน ต้องมีความชัดเจนและสรุป 6 เดือน

 

ต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว prop2morrow.com ได้สอบถามผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมรัพย์ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับภาครัฐที่ให้ความสำคัญในการจัดสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางผ่าน โครงการของภาครัฐ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมข้อจำกัดอื่นๆอีกมากมายที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณา โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายผังเมืองและกฎหมายจัดสรรที่ภาคเอกชนต้องปฎิบัติตาม ทำให้กลายเป็นอุปสรรคไม่สามารถที่จะดำเนินการพัฒนาได้

 

“เอกชนพร้อมให้ความร่วมมือแต่กฎระเบียบต่างๆจะต้องเอื้อให้ทำได้ด้วย” แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งกล่าวซึ่งก็สอดคล้องกับนายชายนิด  อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) หรือPF กล่าวว่า โครงการบ้านประชารัฐนั้นทำได้แต่ต้นทุนราคาที่ดินต้องไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งทำเลที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ระหว่างรอยต่อระหว่างพื้นที่กรุงเทพฯกับ5 จังหวัดปริมณฑล เช่น กรุงเทพฯรอยต่อประทุมธานี หรือ รอยต่อระหว่างกรุงเทพฯกับฉะเชิงเทรา ทั้งนี้รัศมีในการพัฒนาต้องไม่เกิน 30 กม.ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการเดินทางหลังจากที่ภาครัฐได้ขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการรถไฟฟ้า

 

“เห็นด้วยที่จะเปิดให้เอกชนเข้าไปร่วมทุนกับภาครัฐ แต่เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ต้องมีการปรับแก้กฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องผังเมือง”  นายชายนิด กล่าว

 

กคช.เสนอรัฐยกเว้นภาษีสนับสนุนคนจนมีบ้านของตนเอง

ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า กคช.ได้เดินหน้าตามยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ตามนโยบายของภาครัฐและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) อย่างเต็มที่รวมถึงการหน้าสานต่อแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (2559-2568) เพื่อใช้เป็นกรอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศในระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing for ALL)”

 

สำหรับในปีนี้ การเคหะฯ มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาที่อยู่ โดยในส่วนโครงการบ้านเคหะประชารัฐ การเคหะฯกำหนดเป้าหมายขาย จำนวน 10,470 ยูนิต จากปัจจุบันขายได้ 11,771 ยูนิต คิดเป็น 110% โดยเป็นยอดขายจากงานมหกรรมบ้านเคหะประชารัฐ ครั้งที่ 2 ที่ผ่านมามีผู้สนใจจอง จำนวน 10,192 ยูนิต

 

ในส่วนการนำที่ดินมาพัฒนาโครงการนั้น การเคหะมีแผนให้ภาครัฐเป็นผู้บริหารจัดการให้ รวมถึงการร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาร่วมกันภายใต้โครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐเอกชน ในส่วนของมาตรมาตรการโอนให้กับผู้มีรายได้น้อยเข้ามาใช้เชื่อว่าจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านได้เร็วมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ การเคหะฯได้เตรียมการนำเสนอต่อคณะรัฐมตรี ทั้งนี้จากตัวเลขของผู้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 13 ล้านคน “มองว่าถ้าคนกลุ่มนี้ได้รับสิทธิพิเศษในเรื่องลดค่าธรรมเนียมการโอนด้านภาษี สามารถใช้กับกลุ่มคนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยด้วยและภาคเอกชนที่มาเข้าร่วมด้วย”

 

ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายภาครัฐในการให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยที่ดี พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และยกระดับคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ธอส.จึงได้จัดงาน “บ้าน ธอส. เอ็กซ์โป@ กรุงเทพ”โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 ส.ค.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งนี้คาดว่าภายในงานจะมียอดปล่อยสินเชื่อภายในงานที่กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งภายหลังจากการเปิดงานเพียง 1  วัน จนถึงปัจจุบันมียอดปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 7,157 ล้านบาท