แสนสิริเปิดแผนธุรกิจ “Sansiri Transformation” สู่การขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่ ครึ่งปีหลังเปิดอีก 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 39,260 ลบ.พร้อมโชว์ผลงานครึ่งปีแรกกวาดยอดขายกว่า 15,000 ลบ. เติบโตเกือบ 20% เผยตลาดต่างชาติตอบรับดี สร้างยอดขายทะลุ 3,700 ล้านบาท

 

“Delivery Robot” หุ่นยนต์ที่สามารถส่งอาหารหรือสิ่งของถึงหน้าประตูห้องของลูกบ้าน โดยวางแผนนำร่องใช้ในโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า เป็นโครงการแรก ในช่วงปลายปีนี้

 

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แสนสิริมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ ด้วยยอดขายรวมประมาณ 15,000  ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 20% และคิดเป็นกว่า 42% ของเป้าหมายยอดขายรวม 36,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้ สำหรับตลาดต่างชาติซึ่งเป็นตลาดสำคัญก็มียอดขายไปถึงประมาณ 3,700  ล้านบาท คิดเป็น 46% ของเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่วางไว้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเติบโตตามเป้าหมายโดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน  โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ  16 โครงการ มูลค่ารวม 39,260 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนธุรกิจ “Sansiri Transformation” สู่การขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่ โดยมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ นอกจากนี้ในปัจจุบัน แสนสิริยังมี Presale backlog หรือยอดขายรอรับรู้รายได้รวมทั้งหมดถึง 37,500 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการรับรู้รายได้ไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า

รุกตลาดตปท.ตั้งสนง.สาขา3 เมือง

โดยในครึ่งปีหลังนี้บริษัทยังเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำบริษัทอสังหาริทรัพย์ไทยที่ลูกค้าต่างชาติซื้อโครงการมาก  ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยในช่วงครึ่งปีได้เตรียมเปิดสำนักงานขายในจีนเพิ่มอีก 3 เมือง คือ เซี่ยงไฮ้ เซิ่นเจิ้น และกวางโจว ซึ่งเป็นการลงทุนของพันธมิตรที่เป็นเอเยนซี่ในท้องถิ่นทั้งหมด และขายสินค้าให้กับแสนสิริเท่านั้น จากปัจจุบันที่มีสำนักงานขายอยู่ที่สิงคโปร์และปักกิ่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการให้บริการลูกค้าทั้งในด้านการขายและบริการหลังการขาย และหากในอนาคตมีโอกาสที่จะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มบริษัทฯก็พร้อมที่จะเข้าไปทำตลาด และหากในปี2561 บริษัทฯสามารถทำยอดขายตลาดต่างประเทศได้ถึง 10,000 ล้านบาท ก็พร้อมที่จะรุกตลาดต่างชาติมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องพึ่งตลาดในประเทศมากนัก

 

“ไฮไลต์สำคัญของการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในครึ่งปีหลังคือการเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรตามกลยุทธ์ “Sansiri Transformation” หรือการรุกปรับองค์กรอย่างเต็มรูปแบบใน 4 ด้านเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง โดยมีการจัดทัพทีมผู้บริหารที่มากประสบการณ์ในแต่ละด้าน ที่จะมาช่วยบริหารสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ” นายอภิชาติกล่าว

 

ปรับองค์กรดึง2ขุนพลใหม่เสริมทัพ

สำหรับกลยุทธ์ที่สำคัญ Sansiri Transformation มุ่งเน้นใน 4 ด้าน คือ การบริหารการเงิน – การบริหารการพัฒนาโครงการ –การบริหารกลยุทธ์การตลาด และการบริหารด้านเทคโนโลยี

  • Financial Transformation การบริหารด้านการเงิน นำโดยคุณวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ (Chief Financial Officer) หนึ่งในผู้บริหารที่ร่วมก่อตั้งบริษัทแสนสิริ
  • Project Transformation – การบริหารการพัฒนาโครงการทั้งปัจจุบันและในอนาคต นำโดย คุณอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ (Chief Operating Officer)
  • Marketing Transformation – การบริหารด้านกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มและหลากหลายมากขึ้น นำโดยคุณอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด (Executive Vice President – Marketing Division)ที่ล่าสุดย้ายมาจาก บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือKTC
  • Technology Transformation – การบริหารด้านเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ นำโดย ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล (Chief Technology Officer) ซึ่งย้ายมาจากบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเต็ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครือข่ายเทสโก้โลตัสในประเทศไทย  

 

ทุ่มงบ3ล้านเปิดตัวหุ่นยนต์เดลิเวอรี่“แสนดี”

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ SIRI กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทจะเปิดตัวใหม่อีก 16 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 39,200 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 22,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเอง 4 โครงการ  12,300ล้านบาท และโครงการที่บริษัทพัฒนาร่วมกับบีทีเอส 3 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ส่วนโครงการแนวราบจำนวน 4 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 16,100 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ มูลค่า 760 ล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจะทำให้ เป็นไปตามแผนงานในปีนี้ที่จะเปิด 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 44,600 ล้านบาท

 

ส่วนการลงทุนในสิริ เวนเจอร์ซึ่งเป็นการลงทุนด้าน Property Technology ในช่วงครึ่งปีหลังตั้งงบลงทุน 500 ล้านบาท โดยจะนำไปลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามา ซึ่งอยู่ระหว่างการมองนวัตกรรมที่น่าสนใจเข้าลงทุน โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวหุ่นยนต์“Delivery Robot” ชื่อ “แสนดี” สำหรับการบริการส่งของให้กับลูกบ้านในโครงการ โดยใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 6 เดือน มูลค่าลงทุนประมาณ 3 ล้านบาท/ตัว ซึ่งจะเริ่มนำไปใช้ในโครงการ The Monument สนามเป้า (เดอะ โมนูเมนต์) เป็นโครงการแรกเนื่องจากมียูนิตที่น้อยประมาณ 100 ยูนิตเท่านั้น  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายๆใด ซึ่งหุ่นยนต์ดังกล่าวมีต้นแบบมาจากประเทศสิงคโปร์ แต่คิดค้นโดยชาวอินเดีย ถือเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่ให้บริการในโครงการอสังหาฯ จากที่ต่างประเทศจะใช้หุ่นยนต์ให้บริการในโรงพยาบาลและโรงแรม คาดว่าในอนาคตจะทยอยนำหุ่นยนต์แสนดีไปให้บริการในทุกๆโครงการของบริษัท โครงการละ 1 ตัว

 

คาดยอดรีเจคปีนี้คงระดับ1%

ขณะที่นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ SIRI กล่าวว่า ปัจจัยของภาวะตลาดไนช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ บริษัทยังไม่มีความกังวลมากนัก เพราะเชื่อว่าจะเป็นการชะลอตัวชั่วคราวในระยะสั้นและเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันทั้งอุตสาหกรรม ส่วนภาวะของกำลังซื้อในปัจจุบันยังเห็นสภาวะเศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวขึ้น และคาดว่าในครึ่งปีหลังการลงทุนของภาครัฐจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นได้อย่างดี และส่งผลบวกต่อกำลังซื้อ ด้านอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อ (Reject)ของลูกค้าที่ซื้อโครงการของแสนสิรินั้น ในช่วงครึ่งปีแรกลดลงมาเหลือ 1% จากสิ้นปี2559 อยู่ที่ 5% จากการให้คำปรึกษาเพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารและการทำ Pre-approve โดยคาดว่าอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าของบริษัทในครึ่งปีหลังจะยังทรงตัวในระดับ 1% เช่นเดียวกับครึ่งปีแรก

 

** prop2morrow โดย คุณวาสนา กลั่นประเสริฐ  เบอร์โทร.02-632-0645 E-mail : was_am999@yahoo.com