เมเจอร์ฯเผยอสังหาฯไทยยังเนื้อหอม EECเป็นแม่เหล็กดึงต่างชาติลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดสบช่องว่างตลาด ปรับแผนเปิดตัวคอนโดฯใหม่แบรนด์ “METRTS” 3 ทำเล รวมมูลค่า 4,500 ล้านบาท จับลูกค้ากลุ่มอายุ25-35 ปีครั้งแรก คาดเปิดตัวพร้อมกันไตรมาส3/60 ตั้งเป้าพรีเซล60% มั่นใจสินค้าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

ปัจจุบันรูปแบบและการพัฒนาอสังหาฯในไทยมุ่งสู่สากลมากขึ้น จะเห็นได้ว่ามีการนำโครงการ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมออกไปทำตลาดต่างประเทศหรือโรดโชว์ในฮ่องกง จีน ไต้หวัน มาเลเซีย มากขึ้น ขณะที่ราคาขายในไทยนั้นยังต่ำกว่าค่อนข้างมาก และจากการเปิดEEC มีผล ทำให้ตลาดอสังหาฯไทยเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น จึงทำให้เป็นที่สนใจของกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ

ล่าสุดได้เปิดตัวคอนโดฯแบรนด์ใหม่ “METRTS”(เมทริส)ในรูปแบบมิด-เซ็นจูรี่ โมเดิร์น 3 ทำเล 3 โครงการ ได้แก่ ลาดพร้าว ,พัฒนาการ และพระราม 9-รามคำแหง แต่ละทำเลจะพัฒนาเป็นอาคารสูงกว่า 30 ชั้น โดยทำเลลาดพร้าว มีจำนวน 193 ยูนิต ,พัฒนาการจำนวน 341 ยูนิต และพระราม9-รามคำแหง จำนวน 570 ยูนิต โดยโครงการนี้จะเป็นมิกซ์ยูส มีอาคารสำนักงานด้วย ขนาดห้องชุด ส่วนใหญ่เป็นแบบ 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร จำนวน 60% ที่เหลือ 40% จะเป็นแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 45 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 55 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 90,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเริ่มต้นที่ 2.8 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท หรือโครงการละ1,000 กว่าล้านบาท

ทุกโครงการจะเน้นพื้นที่ Coworking Space ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯที่เน้นคนรุ่นใหม่ อายุตั้งแต่ 25-35 ปี จากเดิมโครงการของบริษัทจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ถือว่าเป็นการเจาะช่องว่างตลาด โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นกันยายน 2560 นี้ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 60% และปิดการขายได้ 100% เมื่อทั้ง 3 โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส4/2563

 

ทั้งนี้หากเทียบราคาที่ดินในช่วง 5 ปี (2555-2560)พบว่าย่านลาดพร้าว ที่ดินยังไม่ค่อยปรับราคาขึ้นมากนัก คือจากปี2555 ซึ่งอยู่ที่ 280,000-300,000 บาทต่อตารางวา และปี2560 ปรับขึ้นมาที่ 500,000-600,000 บาทต่อตารางวา หรือประมาณ 20% ถือว่ายังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับทำเลวิภาวดีรังสิตและพหลโยธิน ที่ปรับขึ้นมา 28% และ 30% ตามลำดับ ขณะที่ทำเลพระราม9-รัชดาฯ ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูงมาอยู่ที่ 800,000-1.5 ล้านบาทต่อตารางวา หรือเพิ่มขึ้น 40% ในขณะที่ทำเลพระราม9-รามคำแหง มีสัดส่วนอัตราการเติบโตที่เท่ากันคือ 40% แต่ราคาที่ดินยังถูกกว่า คืออยู่ที่ 300,000-450,000 บาทต่อตารางวา

 

ปัจจุบันซัพพลายในพื้นที่ซีบีดีค่อนข้างแออัด ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงนิยมอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีความพร้อมและใกล้ซีบีดี สามารถเดินทางเชื่อมถึงกันได้ ซึ่งนับวันกลุ่มคนรุ่นใหม่จะมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และจะให้ความสำคัญในเรื่องของดีไซน์ในที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีความเป็นตัวเองสูง เติบโตมาพร้อมกับไอที จึงเชื่อว่าทั้ง 3 โครงการใหม่นี้จะสามารถตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน

 

ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือBacklog มูลค่า 15,000ล้านบาทและมีสต็อกคอนโดฯพร้อมขาย 4,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันในส่งนของงบซื้อที่ดินในครึ่งปีหลัง 2560 ยังเหลืออีกประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท แต่ถ้าหาซื้อไม่ทันคงต้องกันงบประมาณบางส่วนไปซื้อที่ดินในปี 2561 ด้วย