An image

“ออริจิ้น” ทุ่มเม็ดเงิน 4 พันล้านบาท ซื้อหุ้นทั้งหมดของ “พราวด์ เรสซิเดนซ์”พร้อมกับขายหุ้นเพิ่มทุนให้กลุ่ม “ลิปตพัลลภ-บุศราพันธ์-ทวีศรี” คิดเป็นสัดส่วน 5% รวมเกือบ 1,000 ล้านบาท

 

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 6/2560 เมื่อวันที่ 17พฤษภาคม 2560 ว่าที่ประชุมอนุมัติให้ความเห็นชอบการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท พราว เรสซิเดนซ์ จำกัดจำนวน 10 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เป็นอัตราร้อยละ100 ของบริษัท พราว เรสซิเดนซ์ จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิมที่ประกอบด้วย1) บริษัท พราว บีชคลับหัวหิน จำกัด 2) บริษัท พีเอ็น แคปปิตอล จำกัด และ 3) นายธงชัย บุศราพันธ์ (รวมกันเรียกว่า ผู้ขาย) โดยมีราคาเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด จำนวน 4,000 ล้านบาท (ราคาหุ้น) ทั้งนี้การซื้อขายหุ้นจะเสร็จสมบูรณ์ภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่1/2560 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2560และเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นเสร็จสมบูรณ์

 

มูลค่าในการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดจากผู้ขาย 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระราคาหุ้นด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 3,000 ล้านบาท โดยตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมีการรับประกันการใช้เงินทั้งจำนวนด้วยการอาวัล โดยธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย และเงินสดจำนวน 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่บริษัท และผู้ขายเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของพราวด์ เรสซิเดนซ์ (สัญญาซื้อขายหุ้น) เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น บริษัทตกลงวางหลักประกันสัญญาโดยการออก และส่งมอบหนังสือค้ำประกัน (Bank Guarantee) ซึ่งออกโดยสถาบันการเงิน จำนวนรวม 200 ล้านบาทให้แก่ผู้ขาย และผู้ขายตกลงวางหลักประกันสัญญา โดยการออก และส่งมอบหนังสือค้ำประกัน ซึ่งออกโดยสถาบันการเงินจำนวนรวม 200 ล้านบาท (แบ่งเป็นหนังสือค้ำประกัน จาก พราว บีชคลับ จำนวน 140 ล้านบาท และหนังสือค้ำประกันจากพีเอ็น แคปปิตอล จำนวน 60 ล้านบาท) ให้แก่บริษัท โดยแต่ละฝ่ายจะดำเนินการคืนหนังสือค้ำประกันที่ส่งมอบเพื่อเป็นหลักประกันสัญญาให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งในวันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น

 

ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กลุ่ม“ลิปตพัลลภ-บุศราพันธ์-ทวีศรี” คิดเป็นสัดส่วน5%

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯยังเห็นชอบในการอนุมัติเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวน 81,197,171 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP:Private Placement) จำนวนทั้งหมด 81,197,171 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ดังนี้ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 56,838,020 หุ้น ให้แก่ 1) นางจรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ จำนวน 56,838,020 หุ้น ในราคาหุ้นละ 12.3157 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 700 ล้านบาท 2) นายธงชัย บุศราพันธ์ จำนวน 12,179,576 หุ้น ในราคาหุ้นละ 12.3157 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 150 ล้านบาท และ 3) นางนุ่น ทวีศรี จำนวน 12,179,575 หุ้น ในราคาหุ้นละ 12.3157 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นเกือบ 150 ล้านบาท

 

ภายหลังจากที่เพิ่มทุนจะทำให้บุคคลทั้ง 3 รายเข้ามาถือหุ้นรวมกันใน ORI สัดส่วน 5% โดยนางจรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ ถือหุ้น 3.50% นายธงชัย บุศราพันธ์ ถือหุ้น 0.75% และนางนุ่น ทวีศรี ถือหุ้น 0.75%(อนึ่ง นายธงชัย กับนางนุ่น เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกันเนื่องจากเป็นคู่สมรส)

An image

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว คณะกรรมการของบริษัทฯเห็นว่า จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มบริษัทนจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจการแข่งขันและเป็นโอกาสในการขยายเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ส่งผลให้ขยายฐานรายได้และขยายฐานกำไรได้เพิ่มขึ้นจากแผนเดิม นอกจากนี้บุคลากรของกลุ่มบริษัทจะมีโอกาสเรียนรู้ในการพัฒนาโครงการระดับบนจากประสบการณ์กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของพราวด์ เรสซิเดนซ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มพันธมิตรใหม่ ผู้บริหารและทีมงานผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งจะรับผิดชอบการดำเนินโครงการไปจนสิ้นสุด และยังมีสัญญาบริหารโครงการให้บริษัทฯ ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 โครงการ ซึ่งยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และความต่อเนื่องในการดำเนินโครงการต่อไป

 

ส่วนในด้านการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯจากการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 17,000 ล้านบาท และมีลูกค้าทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดแล้ว (Backlog) เป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วงปี 2560-2563 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทสามารถขยายฐานรายได้ และขยายฐานกำไรได้เพิ่มขึ้นจากแผนดำเนินการเดิม โดยยังคงคำนึงถึงการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้ได้ตามเกณฑ์ข้อกำหนดของหุ้นกู้ และสถาบันการเงิน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด พัฒนาโครงการพาร์ค 24 (Park 24) บนเนื้อที่ 12 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่ชูคอนเซ็ปต์ “Urban Forest Condominium” ประกอบด้วย  6 อาคาร แบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรก 3 อาคาร รวม 837 ยูนิตคิดเป็นมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท เป็นอาคารชุดเพื่อการพาณิชย์สูง 2 ชั้น 1 อาคาร และคอนโดมิเนียมพักอาศัย 2 อาคาร ความสูง 51 ชั้น และ 29 ชั้น เปิดขายเมื่อปลายปี2556 ปัจจุบันปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว

 

ส่วนในเฟสที่ 2 ที่เราจะรีวิวคอนโด พาร์ค 24 (Park 24) ในวันนี้ มี 3 อาคาร คือตึกที่ 4,5 และ 6 ความสูง 29 ชั้น , 51 ชั้น และ 44 ชั้น (ตามลำดับ รวมมียูนิตขายในเฟสนี้  1,174 ยูนิตรวมมูลค่า 10,500 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*